Suited Connectors ติดอาวุธเสริมเพิ่มประสบการณ์พร้อมทำกำไรให้มากขึ้น

Suited Connectors ติดอาวุธเสริมเพิ่มประสบการณ์พร้อมทำกำไรให้มากขึ้น

ผู้เล่นที่มาหัดเล่น NLH ใหม่ๆก็มักจะคัดแต่ไพ่ดีๆมาเล่นโดยหลักๆก็จะวนอยู่ที่ Pocket Pairs, ไพ่ Ax Suited ใหญ่ๆ หรือบางครั้งก็พวก KQ KJ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นได้ถูกต้องแล้วเพราะไพ่พวกนี้ช่วยให้เราติดไพ่ดีๆและเป็นการลดการตัดสินใจยากๆลงไปได้อีก

แต่พอระดับสูงขึ้น เราก็ไม่สามารถจำกัดไพ่ที่ใช้เล่นได้แค่พวกไพ่ Premium อีกต่อไป โดยเหตุผลข้อหนึ่งเลยก็คือ ไพ่ดีๆไม่ค่อยขึ้นมือเราบ่อยๆ อย่างในทัวร์นาเมนต์ ถ้าเรารอแต่ไพ่ดีๆเราก็จะโดน Blind กับ Ante กินหน้าตักเราไปเรื่อยๆเพราะมัวแต่รอไพ่

นอกจากนี้ การที่เราเน้นเล่นแต่ไพ่ระดับท็อปๆก็จะทำให้โดนอ่านออกได้ง่ายเช่นกัน โดยทุกครั้งที่เราได้ AA หรือ KK มา อีกฝ่ายก็จะรู้ทันทีและทำให้เขาง่ายต่อการหมอบและทำให้คุณทำเงินจากไพ่พวกนี้ได้น้อยลง

ซึ่งมีทางเดียวที่จะเพิ่มไพ่ในการเล่นเข้ามาให้มากขึ้นก็คือการเพิ่มไพ่พวกตัวเลขนี่แหละเข้ามา เช่น พวกไพ่อย่าง  หรือ  แค่เพิ่มไพ่พวกนี้เข้ามาใน Range ก็จะช่วยให้เราทำกำไรได้มากขึ้นแล้ว แต่เพิ่มมาเฉยๆก็จะยังไงอยู่ เราต้องรู้หลักการเล่นที่ถูกต้องด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่าจะเล่นอย่างไรให้เหมาะสม

1. พิจารณาจากตำแหน่งและหน้าตัก

เหมือนกับไพ่อื่นๆ ไพ่ Suited Connectors จะใช้เล่นได้ดีที่สุดเมื่อมีตำแหน่งดีกว่าอีกฝ่าย ถ้าคนอื่นหมอบมาจนถึงเราที่อยู่ Late Position (CO หรือ BTN) คุณอาจจะ Open-Raise ด้วย  เพื่อขโมย Blind กับ Ante หรือเป็นการสร้างความได้เปรียบในการเล่นในกรณีที่ตำแหน่ง Blind Call มาสู้กับเรา

การ Open-Raise ด้วย Suited Connectors ยังได้ประโยชน์ในการทำให้อีกฝ่ายอ่านเราพลาดอีกด้วย เพราะอีกฝ่ายมักจะคิดว่าเรา Raise ด้วยไพ่ใหญ่ๆ (อย่าง AK, AA, KK) เช่น ถ้าเรา Raise    และ Flop ออกมา  อีกฝ่ายก็อาจจะคิดว่าไพ่เราอาจจะเล่นได้ไม่ดีในบอร์ดแบบนี้ แต่จริงๆแล้วอำพรางของดีไว้อยู่

โดยไพ่พวกนี้สามารถใช้เล่นได้ทั้ง Late Position หรือใช้ Call เพื่อเล่นในตำแหน่งที่แย่กว่าจากตำแหน่ง Blind ก็ได้ เพราะเราสามารถติด Straight หรือ Flush ได้และทำเงินได้เยอะเวลาเจอกับพวก AA KK

ไพ่ Suited Connectors เป็นไพ่ที่เน้นการ Draw เพื่อพัฒนาให้ตัวเองไปชนะตรง Showdown ซึ่งก็จะมีบ้างที่เราติด 2 คู่ หรือ ตอง และทำเงินได้แบบงงๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเน้น Draw มากกว่า โดยถ้าเรามีตำแหน่งดีกว่าเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะเสี่ยงลงทุนในพอทนั้นเยอะๆหรือยอม Check และเสี่ยงน้อยๆแทน

นอกจากตำแหน่งที่สำคัญแล้วก็มีเรื่อง Stack Size ที่สำคัญเช่นกัน เพราะการที่เราเล่นไพ่พวกนี้เรากำลังหวังว่าจะกินพอทใหญ่ๆคำโตๆจากอีกฝ่าย แต่ถ้าเราหรืออีกฝ่ายมี Short Stack มันก็คงไม่คุ้มที่จะเสี่ยงหรอก โดยเฉพาะเวลาเรา Short Stack ในทัวร์นาเมนต์ เราไม่ควรจะ Call All-in หรือใช้ Shove ใส่อีกฝ่ายด้วยไพ่อย่าง  และ

ไอเดียหลักๆของการเล่น Suited Connectors ก็คือ Low Risk – High Return หรือ เข้าไปดู Flop ราคาถูกๆเพื่อรอกินคำโตๆ

2. การเล่นตรง Post-flop จังหวะไหนควร Bluff, Semi-Bluff หรือ Fold

ถ้าเราเข้า Flop ไปด้วยไพ่อย่าง  หรือ  ด้วยราคาถูกๆ ก็อย่าลังเลที่จะหมอบถ้าไม่ติดอะไรเลย หรือถ้าเราเป็นคน Open-Raise แล้วบอร์ดออกมาไม่ดีก็ให้หยุดการลงเงินในพอทเพิ่มและยอมๆไปได้ เช่น เรามี  ในบอร์ด  เราก็ยอมๆไปเลยไม่ต้องไป C-bet เพื่อจะหวังให้อีกฝ่ายหมอบหรอก

หรือบางครั้งคุณมี Draw อยู่และเห็นว่าอีกฝ่ายดูมีโอกาสหมอบสูงก็สามารถ Bet ออกไปเพื่อให้เป็น Semi-Bluff ได้ เพราะถ้าโดน Call มาเราก็ยังมีโอกาสพัฒนาอยู่ แต่ก็อย่าบลัฟเพลิน เราต้องผสมการ Check เพื่อดูไพ่ฟรีๆเข้าไปด้วย เพราะการเล่นไพ่พวกนี้และผสมการบลัฟเข้ามาจะทำให้อีกฝ่ายมองเราเปลี่ยนไป เช่น 1. เขาจะระวังเรื่องไพ่ตัวเลขต่างๆมากขึ้นเวลาเล่นกับเรา 2. เขาจะมองว่าคุณกล้า Bet ด้วยไพ่ที่ Draw อยู่ ซึ่งต้องระวังและคอยปรับแผนเราอยู่เสมอ

3. การเพิ่มไพ่ในการเล่นเข้ามาถือเป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้กับเรา

ไม่ว่าคุณจะเล่น Live หรือ Online การผสม Suited Connectors กับ Premium เข้ามาจะช่วยคุณในเรื่อง Table Image ที่จะทำให้อีกฝ่ายมองว่าคุณไม่ได้ Tight มากอะไรขนาดนั้นและจะกล้าเล่นกับเรามากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดประสบการณ์และได้เจอการตัดสินใจใหม่ๆที่แตกต่างจากการเลือกเล่นแต่ไพ่ระดับท็อปๆ

การคัดแค่ไพ่ Premium และเล่นแบบตรงไปตรงมา (Straightforward Play) ก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีถ้าเราเป็นมือใหม่และบนโต๊ะมีแต่ Fish แต่ถ้าเราอยากจะพัฒนาทักษะการเล่นจริง เราควรจะลดการเล่นแบบตรงไปตรงมาให้น้อยลง และผสมการ Bluff, Semi-bluff หรือ Check-raise เข้าไปด้วย

ซึ่งไพ่พวกตัวเลขนี้แหละที่จะทำให้เราได้ลองเล่นท่าแปลกๆ ได้ลอง Bluff ท่าต่างๆ นอกจากนี้ เราก็จะได้เข้าไปเจอกับสถานการณ์ยากๆที่ต้องตัดสินใจหนักๆตรง Post-flop มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ได้รับประสบการณ์เหล่านั้นมาและหล่อหลอมเราให้กลายเป็นนักโป๊กเกอร์ที่ดีขึ้น

 

ที่มา 

แสดงความเห็น