พื้นฐานการเล่นทัวร์นาเมนต์ – สไตล์ในการเล่น
สไตล์ในการเล่น
หลายคนคงเคยได้ยินหรือเห็นผ่านตากันมาบ้างกับสไตล์การเล่นต่างๆไม่ว่าจะเป็น Small Ball ที่โด่งดังจากเซียนด้านทัวร์นาเมนต์ชาวแคนาดาอย่าง Daniel Negreanu หรือสไตล์อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งไม่ว่าสไตล์ไหนๆคุณก็จะต้องเข้าไปร่วมเล่นหลายๆพอทเหมือนๆกันเพื่อก้าวไปเป็นผู้ชนะในทัวร์นาเมนต์ การจะรอแต่ไพ่ Premium อย่าง AA KK อย่างเดียวคงไม่สามารถทำได้แน่ในระยะยาว
ในทัวร์นาเมนต์จะรอแต่ Premium ไม่ได้
ที่เป็นแบบนี้ก็มีอยู่ 3 เหตุผลหลักๆคือ 1. ถ้าคุณเล่นแค่ Premium นั่นหมายความว่าคุณเล่นแค่ 7% ของมือทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรักษาระดับหน้าตักของคุณแน่นอน 2. ผู้เล่นส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นว่าคุณเล่น Tight ทำให้คุณจะไม่ค่อยได้ Action อะไรจากอีกฝ่ายเท่าไหร่เวลามีไพ่ดีๆ ซึ่งโดยเฉลี่ยคุณจะเสีย Blind ทุกรอบและชนะได้ Blind กลับมาแค่ 0.7 เท่านั้น นั่นหมายความว่าโดยเฉลี่ยคุณจะเสีย Blind 0.3 ทุกรอบหรือก็คือคุณจะเจ๊งแน่ๆในระยะยาว
กว่าคุณจะอดทนรอจนได้โอกาสไป All-in ชนะได้มาซึ่งมีโอกาสอยู่ 2:1 แต่ Stack ของคุณก็จะอยู่เท่าๆตอนเริ่มต้นอยู่ดีเพราะคุณเสียไประหว่างรอเยอะเกินไป เช่น คุณมี 20BB แล้วเลือกที่จะรอไพ่ Premium อย่างเดียว คุณอาจจะรอจนลงไปเหลือ 10BB แล้วได้โอกาส All-in AA เจอ 44 ที่มีโอกาสชนะ 80% ตรงนี้ถึงจะชนะคุณก็จะกลับไปเท่าเดิมที่ 20BB แต่ถ้าไปแพ้ตรงโอกาส 20% ที่เหลือคุณก็เจ๊ง
Bad Beat ในทัวร์นาเมนต์
ผู้เล่นอ่อนๆมักจะบ่นว่า ถ้าไม่โดน Bad Beat ก็ล่ำซำเป็นมหาเศรษฐีจากทัวร์นาเมนต์แล้ว ซึ่งเอาจริงๆทุกคนก็ต้องโดนแบบนี้เหมือนกันหมดระหว่างการแข่ง คุณก็แค่ต้องปั้น Stack ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการโดน Bad Beat แทน ถ้ามัวแต่รอไพ่ดีๆก็โดน Blind กินจนหมดและไปรอ All-in เพื่อเจ๊งตามอีหรอบเดิม ซึ่งถ้าคุณสามารถหลีกเลี่ยงการ All-in ตลอดการแข่งทัวร์นาเมนต์ได้ โอกาสที่คุณจะเจ๊งก็จะยากขึ้นแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ว่าตอนเหลือแค่ 10BB แล้วจะไป Open-raise 3BB และจะหมอบถ้าโดน Re-raise นะ แค่หมายถึงว่าเราควรจะพยายามรักษา Stack ของเราให้ใหญ่เสมอ คอยเก็บพอทเล็กๆน้อยๆตามทางและรอจังหวะดีๆเพื่อหาชิพมาเพิ่มเยอะๆ
Small Ball เหมาะกับทัวร์นาเมนต์จริงหรือ
เทคนิค Small Ball จากโปรชื่อดังนั้นได้ผลดีเพราะผู้เล่นในทัวร์นาเมนต์มักจะหมอบบ่อยเกินไป ลองคิดดูว่าถ้าเราสามารถ Open-raise 2.2BB แล้วทำให้คนส่วนใหญ่หมอบได้และ C-bet 2.5BB ต่อได้แทบทุก Flop มันจะทำกำไรได้ขนาดไหน
แต่สำหรับในทัวร์นาเมนต์ระดับ High Stake นั้น เวลาผู้เล่นได้ Odd 5:1 เพื่อเข้าไปดู Flop พวกเขาก็มักจะตามไปดู และถ้าเขาได้ Odd 3:1 ตรง Flop ก็สามารถเลือกได้ว่าจะ Call หรือ Bluff ซึ่งด้วยเหตุนี้ การเล่น Small Ball ในทัวร์นาเมนต์ระดับ High Stake จึงไม่ค่อยได้ผลนัก เพราะฉะนั้น แทนที่เราจะ Min-raise Pre-flop ก็ให้เปลี่ยนเป็น 2.5BB แทนและ C-bet ด้วย Size ที่สมเหตุสมผล คุณก็จะสามารถเล่นแบบ Small Ball ได้ผลดีแถมยังได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่มจากพวกผู้เล่นที่ชอบเล่นพอทใหญ่ๆด้วย
การ Raise ที่ราคาสูงขึ้นยังเพิ่ม Fold Equity ด้วย และเวลาเรามีไพ่ดีๆแทนที่เราจะได้พอทเล็กๆน้อยๆเราก็จะได้เพิ่มมาอีกนิดหน่อยจากพอทที่ใหญ่ขึ้นด้วย แต่เราก็ต้องมีตำแหน่งที่ดีด้วย ถ้าเรามักจะ Raise Out Of Position เราจะเสียเงินมากกว่าได้ นอกจากนี้ การ Raise Pre-flop ที่สูงขึ้นเพียงแค่ 0.3BB เพื่อให้เรามีตัวเลือกในการเล่น Post-flop มากขึ้นก็ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มจะเสี่ยง แม้การที่เราเพิ่มราคาตรง Pre-flop มาจะทำให้เราต้องเล่น Range ที่ Tight ขึ้นเล็กน้อยและคุณจะต้องขโมย Blind ให้ได้มากขึ้นเพื่อชดเชยกับส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้นมาก็ตาม
แชมป์ทัวร์นาเมนต์มาพร้อมความ Aggressive
ผู้ชนะในโป๊กเกอร์ทุกคนจะเล่นกันแบบ Aggressive ถ้าคุณมัวแต่ Passive ทุกมือที่เล่นรับรองเลยว่าเสียเงินแน่นอน ถ้านักโป๊กเกอร์เก่งๆเห็นโอกาสในการทำกำไร เขาก็พร้อมจะเสี่ยงเพื่อเล่น การจะได้ที่แชมป์ในทัวร์นาเมนต์มาครองนอกจากจะต้องการไพ่ที่รันดีๆแล้ว คุณต้องยอมเสี่ยงด้วย ซึ่งวิธีเสี่ยงที่ดีที่สุดก็คือความ Aggressive นี่แหละ เพราะมันช่วยเปิดโอกาสให้คุณได้เล่นพอทใหญ่ๆและสามารถเก็บพอทเล็กพอทน้อยไปตามทางได้