การเล่น Post-flop ในทัวร์นาเมนต์ – Pot Control
การเล่น Post-flop ในทัวร์นาเมนต์ – Pot Control
ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการที่เราเข้าไปติดไพ่ที่คิดว่าดีที่สุดแต่จริงๆแล้วกลับเป็นรองอีกฝ่ายอยู่แค่นิดเดียวเท่านั้น (Second Best Hand) ซึ่งผลก็คือเราจะเป็นฝ่ายที่เสียเสียหนักมาก
Reverse Implied Odds
Reverse Implied Odds หรืออธิบายง่ายๆก็คือ สถานการณ์ที่เวลาติดไพ่ที่เราต้องการ เราจะมีโอกาสแค่ไม่ชนะพอทเล็กๆก็เสียพอทใหญ่ๆไปเลย ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครชอบสถานการณ์แบบนี้ เพราะฉะนั้น เวลาเล่นมือที่มี Reverse Implied Odds เยอะๆอย่าง A9 Q8 KT และ J6 จึงควรระมัดระวัง มือพวกนี้เวลาติด Top Pair ก็มักจะเป็น Top Pair ที่มี Kicker อ่อนๆ
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณ Raise A9 และมีคน Call จากตำแหน่ง LP และ Flop ออก A-J-2 บอร์ดแบบนี้ดูเหมือนจะดีเพราะมี Top Pair แต่ถ้าคุณ Bet แล้วโดน Re-raise คุณจะเล่นยากมากเพราะถ้าสมมติเรามี Deep Stack ไพ่ที่เขาจะกล้าลงเงินหนักๆก็คือไพ่ที่ชนะคุณเท่านั้น
ค่านี้จะเพิ่มขึ้นตาม Stack ในการเล่นที่ Deep ขึ้น มืออย่าง AA สุดท้ายแล้วก็ต้องเล่นให้ระมัดระวังขึ้นถ้าเจออีกฝ่ายที่กล้า Raise ถึง 200BB ก็เป็นไปได้ว่าเราจะโดนนำอยู่ เพราะฉะนั้น เวลาอยู่ในสถานการณ์ที่ Reverse Implied Odds เยอะๆ เราจึงควร Check ให้มากขึ้นหรือที่เราเรียกกันว่า Pot Control
Pot Control
เอาง่ายๆก็คือการที่เราพยายามเล่นไม่ให้พอทใหญ่ โดยพยายามควบคุมให้มีการ Bet ได้แค่ 1-2 ครั้ง เพราะถ้ามากกว่านั้นคือเป็นไปได้สูงว่ามือเราจะแพ้แล้ว
ตัวอย่างเช่น คุณ Raise จาก BU ด้วย KT มีหน้าตัก 150BB และตำแหน่ง SB Call ตรงนี้ถ้าบอร์ดออก K-8-2 คุณควรจะ Check กลับเพราะไพ่ที่จะออกมาตรง Turn ดูจะไม่ค่อยมีผลอะไรกับคุณมากยกเว้นเป็น A แต่ถ้าคุณ Bet ออกไปแล้วโดน Check-Raise คุณจะเล่นต่อยากทันที ทีนี้พอเรา Check กลับตรง Flop เราก็ควรจะ Call Bet ของอีกฝ่ายแทบทุกไพ่ที่ออกมาตรง Turn กับ River
เวลาเรา Pot Control โดยเฉพาะถ้ามี Top Pair อย่ากลัวที่จะ Call ตาม ถ้าอีกฝ่าย Check ตรง Turn อยู่คุณก็สามารถ Bet ตรง Turn กับ River เพื่อทำกำไรได้เพราะดูแล้วคุณน่าจะมีมือที่ดีที่สุดอยู่ และที่เราไม่ควรหมอบเวลาโดน Bet มาเพราะเวลาเรา Check กลับตรง Flop มันทำให้เราดูอ่อนแอจึงทำให้อีกฝ่ายมีโอกาสบลัฟกลับมา
อีกตัวอย่างที่เราควร Pot Control ก็คือตอนที่เรา Raise พวกคู่ใหญ่ๆแล้วมีไพ่ที่สูงกว่าตกบน Flop เช่น เรา Raise KK จาก MP และ BB Call จากนั้น Flop ออก A-3-3
ตรงนี้ถ้าอีกฝ่าย Check ก็ให้เรา Check ตาม เพราะถ้าเรา Bet ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะ Raise หรือ Call ด้วยอะไร บางคนอาจจะ Raise ด้วย 44 และเราอาจจะต้องหมอบถ้าเราไม่มี A หรือ 3 ทีนี้ถ้าอีกฝ่าย Bet นำออกมาตรง Turn เราก็ควร Call และไปตัดสินใจอีกครั้งตรง River เพราะจากที่บอกไปว่าการ Check ตรง Flop ทำให้เราดูอ่อนแอและอีกฝ่ายจะพยายามบลัฟเรามากขึ้น แต่ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายจะ Bet เวลามีของเท่านั้นเราก็สามารถหมอบได้สบายๆ
ไพ่ที่เหมาะจะ Pot Control
ไพ่พวกนี้คือไพ่ที่ก้ำกึ่งว่าจะนำหรือตามอีกฝ่ายอยู่ ซึ่งก็มักจะเป็นพวก Top Pair ที่มี Kicker อ่อนๆหรือพวก Middle Pair ที่มี Kicker ดีๆ และยิ่งโอกาสที่มือของเราจะโดนพวกไพ่สูง (Overcard) พลิกมานำน้อยเรายิ่งควร Check
ตัวอย่างเช่น การ Check ตามด้วย JT บนบอร์ด K-T-3 ถือว่าสมเหตุสมผลมาก ในขณะที่มืออย่าง 8-7 บนบอร์ด 7-4-2 การ Check ดูจะเป็นตัวเลือกที่แย่เวลาเราเจอกับผู้เล่นที่ไม่ Aggressive เพราะมีไพ่สูงหลายใบที่ออกมาตรง Turn แล้วจะแย่สำหรับเราซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใบไหน แต่มือ JT นั้นถ้าเราไม่แพ้คู่ K ตั้งแต่แรกก็เหลือแค่ A หรือ Q เท่านั้นที่จะออกมาแล้วแย่สำหรับเรา หรือถ้าออกมาเราก็ยังได้ Straight Draw มาเพิ่มด้วย
ทำอย่างไรดีถ้าเจออีกฝ่าย Pot Control
ถ้าเจอแบบนี้แนะนำให้ Bet หนักๆด้วยมือที่มีแนวโน้มว่าจะนำ Range ที่อีกฝ่ายใช้ Pot Control อยู่เพราะพวกนี้มักจะจ่ายเราตรง River
สมมติว่ามีคน Raise แล้วคุณ Call ด้วย AQ ถ้า Flop ออก Q-9-2 แล้วเขา Bet คุณควร Call ไปเฉยๆเพื่อ Pot Control แต่ถ้าเขา Check เขาจะมีมือที่อยากไป Showdown ถูกๆหรือก็ไม่ก็ไม่มีอะไรเลย ซึ่งถ้าเขามีไพ่อ่อนๆหรือไม่มีอะไรเลยเขาก็มักจะหมอบเวลาโดน Bet ใส่ แต่ถ้าเขามีมืออย่าง QJ เราจะได้กำไรเต็มๆจากการ Bet แรงๆใส่ตรง Turn และ River หรืออาจจะมีพวก A9 K9 ตามมาก็ยังได้
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเราถือ JT ในบอร์ด Q-9-2 เหมือนเดิม เขา Bet และคุณ Call ทีนี้ตรง Turn ถ้าเขา Check คุณสามารถ Bet เพื่อขโมยพอทได้แต่ถ้าเขายัง Call อยู่ให้เรายอมไปเลยที่ River เพราะเป็นไปได้สูงที่เขาจะยัง Call อยู่
Stack น้อยลง Pot Control ก็ไม่จำเป็นแล้ว
อย่างถ้าเรามี 25BB Raise ด้วย AT จาก MP และตำแหน่ง BB Call ถ้าบอร์ดออก A-J-4 หรือ T-4-2 คุณสามารถ Bet ได้ตลอดและพร้อมเทหมดหน้าตัก เพราะมือคุณถ้าเทียบกับขนาด Stack ถือว่าแข็งแกร่งมาก ซึ่งจะต่างจากตอน Deep Stack แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าเราแพ้เสีย 25BB แล้วยังเหลืออย่างน้อยอีก 25BB ข้างหลังเราควรจะ Pot Control เวลามี Top Pair
สรุปการเล่น Post-flop ในทัวร์นาเมนต์ – Pot Control
เวลาเรา Pot Control อีกฝ่ายอาจจะได้ดูไพ่ฟรีๆซึ่งอาจจะทำให้เราแพ้พอทนั้นไปได้ แต่โป๊กเกอร์เราไม่ได้วัดกันที่การชนะในแต่ละพอท แต่มันวัดกันที่ใครทำเงินได้ต่างหาก หลักการของ Pot Control หลักๆแล้วก็คือการพยายามไม่ลงเงินเยอะด้วยไพ่ที่ไม่ได้แข็งอะไรมาก ถ้าเราไม่ลงเงินเยอะเวลาหน้าไพ่ไม่เข้าทางยังไงเราก็ไม่เจ๊ง
เรายอมแลกให้อีกฝ่ายได้ดูไพ่ฟรีซึ่งส่วนใหญ่มีโอกาสพลิกกลับมานำเราประมาณ 15% เท่านั้น (อีกฝ่ายมักจะมี 6 Outs) แต่เราจะได้ Represent มือตัวเองน้อยกว่าที่ควรซึ่งเป็นการล่อให้อีกฝ่ายบลัฟกลับมาได้ ระดับโปรรู้ว่าการเทรดแบบนี้คุ้มค่ามากเราจึงเห็นเขาใช้กันบ่อยๆในสถานการณ์ที่ควรใช้