Push Fold Strategy จะเทหรือจะหมอบ ตัดสินใจอย่างไรดี?
กลยุทธ์ Push Fold หรือการลดทางเลือกให้เหลือแค่ 2 ทางคือ ไม่ Push (All-in) ก็ Fold ไปเลยซึ่งจะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะในทัวร์นาเมนต์
การเล่นแบบนี้มีข้อดีคือ
- ใช้ Stack ของคุณที่พอมี Fold Equity อยู่เพื่อขโมย Blinds กับ Antes
- หลีกเลี่ยงการเสียชิพหากเรา Limp หรือ Raise ไปแล้วโดนกดดันให้หมอบทีหลัง
- มีโอกาส Double Up หน้าตักของเรา
เราจะใช้ Push Fold เมื่อไหร่ดี
เราจะใช้ก็ต่อเมื่อหน้าตัก (Stack) ของเราเหลือต่ำกว่า 10BB และยากที่จะเล่นโดยการ Limp หรือ Raise แล้ว ทำให้เหลือแค่สองทางเลือกคือ เทเพื่อขโมยบลายด์และมีโอกาส Double Up หรือหมอบเพื่อรอโอกาสอื่น ซึ่งใน Cash Game จะไม่ค่อยได้ใช้แต่จะเห็นได้ทั่วไปใน SNG และ MTT
ขโมยจน Stack กลับมาใหญ่อีกครั้ง
นอกจากจะลุ้นเพิ่มหน้าตักจาก Double Up แล้ว เราก็สามารถใช้ความดุดันในการขโมย Blinds และ Antes ได้เช่นกัน ถ้าเจอพวก Tight Passive ที่ชอบหมอบก็ให้ Push ใส่เพื่อขโมยบ่อยๆได้เลย
ซึ่งอีกฝ่ายก็คงไม่นิ่งเฉยหรอก เขาต้องมีการปรับกลยุทธ์มารับมือกับเราเช่นกัน เพราะฉะนั้นก่อนจะ Push เราต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
- เราควรเป็นคนแรกที่เป็นคน Push เข้าไปในพอท เว้นแต่ว่าเรามี Premium Hand และอยากให้อีกฝ่าย Call
- ยิ่งตำแหน่งดีเท่าไหร่ เรายิ่ง Push ด้วยไพ่ที่กว้างมากขึ้นได้
- ถ้าเจอกับผู้เล่น Loose หรือพวกหน้าตักใหญ่ๆอยู่ในตำแหน่ง Blinds ให้เรา Push ด้วยไพ่ที่ Tight ขึ้น หรือถ้าตำแหน่ง Blinds เล่น Tight ก็ให้เรา Push ด้วยไพ่ที่ Loose ขึ้นได้เช่นกัน
- ถ้าเราไม่มี Monster Hand การที่ได้ขโมย Blinds กับ Antes ยังดีกว่าเราไปเสี่ยงตกรอบทัวร์นาเมนต์
มือใหม่หัด Push Fold อย่างไร
มือใหม่จำเป็นต้องเข้าใจอยู่ 2 เรื่องคือ 1. Stack Size + Pot Odds และ 2. ICM โดยเราจะเริ่มที่เรื่องแรกกันก่อนคือ
เรามาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันก่อนดีกว่า ซึ่งพอเข้าใจแล้วก็จะทำให้เรารู้ที่มาว่าทำไมถึงต้องใช้ Push Fold เวลาเหลือหน้าตักน้อยๆ
ประเด็นหลักๆคือ ถ้าเราเหลือ 10BB เราควรจะ Call หากเรา Raise ไปแล้วอีกฝ่าย Re-raise กลับมา เช่น
คุณมี Stack เหลือ 1000 (อีกฝ่ายก็มีเท่ากัน) และ Big Blind ราคา 150 อยู่ในช่วง Bubble ของเกม SNG คุณ Raise ไป 400 และอีกฝ่าย (อยู่ตำแหน่ง BB) Re-raise All-in มา 1000
ตอนนี้ Pot คือ 1475 (รวม 75 จาก SB ที่หมอบ) การจะ Call เราต้องจ่ายเพิ่ม 600 ซึ่งทำให้ Pot Odds เป็น 1475/600 หรือ 2.45 ต่อ 1 นั่นหมายความว่าขอแค่เรามีโอกาสชนะมากกว่า 40% ก็ได้กำไรในระยะยาวแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายที่ Re-raise All-in ด้วย Range ไพ่ที่กว้างก็จะทำให้โอกาสชนะของเรามีสูงพอที่จะ Call ได้
ใครๆก็คงไม่ชอบโดน Re-raise แถมโดนแล้วเราเหมือนโดนบังคับ Call อีกต่างหาก เพราะฉะนั้น เราจึงควรจะ All-in ไปเลยดีกว่าเพราะอย่างน้อยก็ยังมี Fold Equity เหลือ และถ้าอีกฝ่ายหมอบเราก็จะได้ชิพมาเพิ่มแบบฟรีๆ
- ICM
ถ้าเป็นช่วง Bubble ที่เราใกล้จะ In the money แล้ว เราต้องเข้าใจเรื่อง ICM เพราะทุกคนก็ไม่อยากพลาดเงินรางวัล เราจึงต้องเลือกไพ่ในการ Push กันหน่อย ซึ่ง ICM ก็จะเป็นตัวช่วยคำนวณว่าไพ่แบบไหนที่เหมาะสมในการ Push และทำเงินได้ในระยะยาว ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยประสบการณ์สูง ถ้าจะให้แนะนำก็ต้องฝึกเล่นบ่อยๆควบคู่ไปกับการใช้โปรแกรมคำนวณ ICM อย่าง Hold’em Resource Calculator และ ICIMIZER