การเล่น Deep Stack (125BB+) ในทัวร์นาเมนต์

การเล่น Deep Stack ในทัวร์นาเมนต์  

โป๊กเกอร์อาจจะดูเหมือนง่าย แต่เอาจริงๆแล้วมันเป็นหนึ่งในเกมที่ซับซ้อนที่สุดที่เคยมีมา เพราะโป๊กเกอร์ต้องใช้ทั้งคณิตศาสตร์และจิตวิทยาในการเล่นซึ่งก็การนำศาสตร์เหล่านี้มาใช้ก็จะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ที่เราเจออีก โดยเฉพาะในการเล่นทัวร์นาเมนต์ที่เราจะต้องมีกลยุทธ์แตกต่างกันไปตามแต่ละระดับ

เพราะฉะนั้น ในบทความต่อไปนี้ก็จะได้นำเสนอกลยุทธ์การเล่นในทัวร์นาเมนต์โดยอิงตามขนาด Stack ที่เรามี (นับเป็น Big Blinds หรือ BB) ซึ่งขอเริ่มจากการเล่นในช่วงที่เรามีหน้าตักหนาๆหรือ Deep Stack ก่อน

ในการเล่น Deep Stack เรื่อง Ante จะไม่ค่อยได้พูดถึงและดูจะไม่มีผลมากเท่าตอน Short Stack เพราะฉะนั้น เทคนิคง่ายๆเวลาเล่น Deep Stack แล้วมี Ante ก็คือการพยายามหามือมาเล่นให้มากกว่าเดิมหน่อย

การเล่น Deep Stack ในทัวร์นาเมนต์ มากๆ

สมมติว่าเราและทุกคนบนโต๊ะมีหน้าตักมากกว่า 125BB ซึ่งถือว่า Deep มาก หน้าตักขนาดนี้ส่วนใหญ่จะเป็น Live Tournament มากกว่า ถ้าเป็นออนไลน์ก็จะ 100BB หรือต่ำกว่า โดยเทคนิคในช่วง Deep นี้ก็จะใช้ได้เหมือนๆกันหมดกับพวกหน้าตัก Deep ที่เล็กกว่าหน่อย

เวลา Deep Stack เราจะเล่นได้หลากหลายท่ามาก จะ C-Bet จะ Bluff หรือ Check-Raise หรือ Float อะไรก็ได้หมด คุณต้องพยายามกำหนด Range ไพ่ที่อีกฝ่ายน่าจะมีให้ได้แล้วอาศัยข้อผิดพลาดของอีกฝ่ายเพื่อทำเงิน ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่คุณมีลูกไม้หรือท่ายากต่างๆอะไรก็ต้องงัดออกมาใช้ให้หมดเพราะถ้ามีแต่ลูกเล่นเดิมๆอีกฝ่ายจะจับทางได้

มีแผนการเล่นล่วงหน้า

ความผิดพลาดครั้งเดียวอาจทำให้เราเสียหมดหน้าตักเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น เราควรลดความผิดพลาดช่วง Pre-flop ให้เหลือน้อยที่สุด เช่น การ Open-Raise KTo จาก MP ก็พอใช้ได้ แต่ถ้าตำแหน่ง BU Re-raise โดยเฉพาะถ้าเขา Tight คุณควรจะหมอบดีกว่าไม่ว่าหน้าตักคุณจะ Deep ขนาดไหน เพราะส่วนใหญ่ไพ่คุณโอกาสกินพอทใหญ่น้อยและโอกาสเสียพอทใหญ่เยอะ คือคุณอาจจะรู้แหละว่าอีกฝ่ายถือไพ่อะไร แต่มือคุณไม่เหมาะที่จะเล่นต่อ Post-flop

อีกสถานการณ์ที่เห็นกันบ่อยๆเลยคือ การ Call ตาม Raise ของคนอื่นด้วยไพ่อ่อนๆที่สีเดียวกัน (Suited) โดยหวังว่าจะติดไพ่ใหญ่ๆกินคำโตๆ เช่น คุณอยู่ตำแหน่ง BU ถือ 95s Call ตามคนที่ Raise มาจาก MP ตรงนี้ถ้าคุณได้ Flush Draw ตรง Flop คุณก็คงไม่หมอบและ Call หนักๆตามไปเอา Flush โดยหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายอาจจะมี Flush ที่ใหญ่กว่าคุณอยู่และพร้อมกินคุณหมดหน้าตักทุกเมื่อ

นอกจากนี้ คุณต้องรู้ด้วยว่าถ้ามีไพ่ใบต่อไปเปิดมาคุณจะตัดสินใจอย่างไร เช่น คุณ Raise ด้วย K♥J♥ และมี 2 คนตามมา คนนึง Aggressive และอีกคน Passive ถ้าบอร์ดออก K♦-9♦-6♠ คุณก็คงจะ C-bet แต่ก่อนจะ C-bet คุณต้องวางแผนก่อนว่า ถ้าคนที่ Aggressive Raise คุณจะตัดสินใจอย่างไรต่อ แล้วถ้าคนที่ Passive Raise จะทำอย่างไร หรือถ้าเขาตามมากันแล้วไพ่เปิด Turn ออกหน้าฟลัชหรือเป็นอย่างอื่นคุณจะตัดสินใจแตกต่างกันอย่างไร ถ้าคุณคิดว่าจะต้องหมอบเวลาโดน Raise หรือถ้ามีไพ่ Turn เยอะมากที่ออกมาแล้วคุณจะต้องยอมหมอบก็ให้คุณเลือก Check ไปแต่แรกดีกว่า

การคิดไว้ล่วงหน้าแบบนี้จะทำให้คุณไม่ต้องมาปวดหัวกับการเล่นยากๆเลยเพราะเราคิดแผนรับมือไว้แล้วเรียบร้อยหรือบางทีอาจจะช่วยให้เรา Tilt น้อยลงเดียวเพราะอย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราได้เล่นตามแผนของตัวเอง

Bet เท่าไหร่ดี

ปกติแล้วเราควรจะเลือก Bet Size ที่เท่าๆกันเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ แต่การเลือกก็จะแตกต่างไปตาม Stack ด้วย ซึ่งเดี๋ยวจะเอากลุ่มตัวเลขที่น่าจำมาให้ดูว่าเวลามีหน้าตักเท่านี้เราควรจะเลือก Bet Size เท่าไหร่ โดยถ้าเราจะหมอบก็ให้หมอบไปเลย และถ้า Size ไหนที่ทำให้คุณเสี่ยงเกิน 30% ของหน้าตักก็ให้ All-in ไปดีกว่าเว้นแต่ว่าเรามีเหตุผลดีๆมารองรับ

ถ้าได้เป็นคนแรกที่เข้าเล่นในพอทให้เรา Raise 3BB ถ้าเรามีหน้าตักมากกว่า 125BB และลดมาเหลือ 2.75BB เมื่อมีหน้าตักประมาณ 75 – 125BB จากนั้นเหลือแค่ 2.5BB เมื่อมีหน้าตัก 40 – 70BB และลดเหลือ 2.25BB เมื่อมีหน้าตัก 12 – 40BB และถ้าเหลือต่ำกว่า 12BB ให้ All-in ไปเลย

หรือถ้าทุกคนหมอบหมดแล้วเราได้ Raise จากตำแหน่ง SB ก็ให้เพิ่มอีก 0.5BB เพื่อคัดไพ่อีกฝ่ายให้มากขึ้นเพราะเรามีตำแหน่งที่เสียเปรียบ และเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายอ่านไพ่เราจาก Bet Size ไม่ว่า Blind จะระดับไหนก็ให้เราอิงตามตัวเลขขนาดหน้าตักที่เรามี

เพิ่ม 1BB ต่อคน Limp 1 คน

นอกจากนี้ ให้เราเพิ่ม 1BB ต่อคน Limp 1 คนด้วย เช่น ถ้าเรามีหน้าตักมากกว่า 60BB แล้วมีคน Limp มาก่อนหน้า 1 คนก็ให้เรา Raise Pre-flop 4.5BB และ Raise 4BB เมื่อเหลือหน้าตัก 27 – 60BB และลดเหลือ 3.5BB เมื่อมีหน้าตัก 15 -27BB และให้ All-in ถ้ามีน้อยกว่า 15BB แล้วถ้าเราอยู่ตำแหน่ง SB ก็อย่าลืมเพิ่มอีก 0.5BB และถ้าการ Raise ของเรานั้นมันดูแล้วแพงเกินกว่า 30% ของหน้าตักก็ให้ All-in ไปเลย เช่น บลายด์ 50/100 มีหน้าตัก 2000 ถือ AJ และมีคน Limp 4 คน ถ้า Raise ปกติจะ 7.5BB ซึ่งตรงนี้มันเกิน 30% ของหน้าตักเราก็ให้ All-in ไปเลย

ถ้าเราจะ Re-raise ก็ให้ใช้ประมาณ 2.75 เท่าของราคาคนที่ Raise มาก่อนหน้า เช่น บลายด์ 50/100 มีคน Raise 300 ก็ให้เรา Re-raise 825 ทีนี้ถ้ามีคน Call Raise มาก่อนด้วยก็ให้บวกเพิ่มไปอีกตามจำนวนคน Call เช่น มีคน Raise 275 มี 2 คน Call ถ้าเราจะ Re-raise ก็จะต้อง 825 + 275 + 275 + 1375 และถ้าเราตำแหน่งแย่กว่าอีกฝ่าย (Out of Position) ก็ให้เพิ่มราคาไปอีกครึ่งหนึ่งของราคา Raise ก่อนหน้า เช่น ถ้าปกติ Re-raise 2.75 เท่าให้เราเพิ่มเป็น 3.25 เท่าแทน และอย่าลืมว่าถ้า Re-raise นั้นมากกว่า 30% ของหน้าตักก็ให้เรา All-in ไปเลย

สถานการณ์พวกนี้เราจะได้เจอกันประจำเวลาเล่นทัวร์นาเมนต์ แนะนำให้ฝึกจนคุ้นชินบอกเลยว่าจะมีประโยชน์มาก ส่วน Post-flop ก็ให้เราใช้ Size ประมาณ 1/2 หรือ 3/4 ของพอท ถ้าจะ Re-raise อีกฝ่ายเวลาเล่น Post-flop ก็ให้ใช้ขั้นต่ำ 3 เท่าของที่เขา Bet มาก่อนหน้า หรือถ้ามีคน Call Bet มาก่อนหน้าก็ให้เพิ่มไปตามจำนวนคนที่ Call การเลือก Bet Size มาใช้จะน้อยลงตามขนาด Stack ของเรา ยิ่ง Stack น้อยก็ยิ่ง Raise น้อยลง ก็เดี๋ยวมันจะยาวเกิน ไว้มาต่อกันในบทความถัดไปนะครับ

แสดงความเห็น