3 กลยุทธ์ที่จะทำให้คุณชนะหลังจาก Call 3-Bet

เมื่อมีไพ่ดีแล้ว Raise Preflop แต่กลับโดน 3-Bet แล้วเรา Out of Position

ซึ่งไพ่ที่เราถือก็ดีมากและไม่อยากหมอบจนทำให้เราต้อง Call ไปเล่นที่ Flop

หากไม่รู้ว่าบอร์ดออกมาแล้วเราจะทำอย่างไรดี งั้นก็ลองมาหาไอเดียการเล่นจากบทความนี้กัน

1.อย่ากลัวที่จะ Check-Raise ด้วย Draws

แฮนด์นี้ Fried Opens KT จาก CO  แล้วโดน 3-Bet จากตำแหน่ง BU

Fried Calls แล้ว Flop Q J 5 ตรงนี้ Fried มี Open Ended Straight Draw (OESD)

คู่ต่อสู้ Bet $25 (Pots $78,เช็ค 100% ที่ Flop) และ Fried ตัดสินใจที่จะ Check-Raise ตรงนี้ 3.5x ของ Bet size คู่ต่อสู้

บนบอร์ดนี้ Fried บอกว่า Value Check-Raise ของเค้าจะเป็นพวก 55, QJs และ AQ บ้าง

โดยเขาจะใช้ Semi-bluff อย่าง KTs, T9s และ 89s เข้ามาทำให้ Value Range ของเขา Balance

การ Check-Raise ด้วย Range ที่ Balance แบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายเล่นยากเพราะไม่รู้ว่าเราเล่นแบบนี้ด้วยไพ่ดีหรือบลัฟ

ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่ Balance Range ของเรา จะทำให้การเล่นของเราชัดเจนเกินไปและจะทำให้เราไม่ได้ Value เต็มๆจากคู่ต่อสู้เพราะเราเล่นแต่ Strong Hand และไม่เคย Bluff เลย

การ Balance จึงจำเป็นอย่างยิ่งเมื่อเราเจอผู้เล่นคนเดิมทุกวัน (Regular Player จริงๆ ไม่นับ Fish ที่เล่นทุกวัน)

เพราะเหตุนี้ถ้าเราเล่นด้วย Value แฮนด์อย่างเดียวและ Bluff อย่างเดียว จะทำให้คู่ต่อสู้จะเริ่มปรับตัวที่จะ Exploit เราได้

.

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราโดน Re-Raise หลังจากที่ Check-Raise ไปแล้วหล่ะ

ถ้าคู่ต่อสู้ของเราตอบโต้ Check-Raise ของเราที่ Flop ด้วยการ Raise All-in คืน เราจะโดนบังคับให้หมอบไพ่ Draws ทั้งหมดที่เราเลือกที่จะ Raise อย่างไรก็ตาม เราก็จะยังมี Strong Hand ใน Range พอที่จะคอลไปสู้ได้เหมือนกัน และนี่คือความสำคัญของการ Balance

ขยายความนิดหน่อยจากตัวอย่างด้านบน

Fried Check-Raise ด้วยอะไรบ้าง

Value : 55, QJs, AQ

Semi Bluff : KTs, T9s,  98s

แฮนด์ที่เราจะหมอบเมื่อโดน All-in ใส่ก็จะเป็น Semi Bluff และคอลด้วย Value แฮนด์

.

2.Bluff ด้วย Small Pairs

เมื่อบอร์ด Dry และไม่เชื่อมต่อกันแทบไม่มี Draws อะไรบนบอร์ดเลย

ในกรณีนี้ เราจำเป็นต้อง Check-Raise ด้วยอะไรที่แปลกใหม่บ้างเหมือนกัน เช่น

Fried Opens 4 4 ที่ CO และคอล Button 3-Bet

Flop : A 7 5♠ คู่ต่อสู้ C-bet 25% Pot

Fried Check-Raise 4x ของ Bet Size คู่ต่อสู้

หลังจากที่เลือก Value แฮนด์ได้แล้ว (55, 77) Fried ก็ต้องคิดเหมือนกันว่าจะ Bluff ตรงนี้ด้วยอะไรได้บ้าง

มีแฮนด์จำนวนนึงที่เป็น Draw บนบอร์ดนี้ (98, 86, 64, 43, 42, 32) แต่แฮนด์พวกนี้ไม่มีอยู่ใน Range ของ Preflop Action นี้
ยกเว้น 98s

Fried บอกว่าแฮนด์ที่ดีพอที่จะบลัฟที่ Flop นี้ได้คือ ไพ่ Pocket pair ต่ำที่อยู่ระหว่าง A กับ 7 เพราะไพ่พวกนี้จะพัฒนาไปเป็นไพ่ที่มี Draw ได้ ในกรณีนี้ Low Suit Connectors อย่าง 65s 76s 87s ก็ใช้บลัฟได้ดีเหมือนกัน

การ Raise ตรงนี้ จะทำให้ Range Fried ไม่ Balance ที่จะบลัฟ แต่การไม่ Raise ก็ทำให้ Value Range ไม่ Balance เช่นกัน ทั้งสอง Imbalance ตรงนี้ก็อาจจะโดน Exploit ได้

เพื่อที่จะแก้ปัญหาตรงนี้ เราควรจะใช้การสุ่มเลขเข้ามาช่วยสุ่มความถี่ในการ Check-Raise ด้วยแฮนด์พวกนี้

ค้นหาใน Google ว่า Number Generator ได้เลย จะมีให้ใส่เลขลงไปเพื่อสุ่มขึ้นมาได้

สมมติว่าเราจะ Check-Raise ด้วย Low Pocket Pair และ Low Suited Connectors 20%

เราก็สุ่มตัวเลขใน Number Generator ถ้าได้ ต่ำกว่า 20 เราจะ Check-Raise ถ้ามากกว่า 21 เราจะ Check-Call หรือ Fold

ได้ 15 เราก็เลยจะ Check-Raise ตรงนี้

.

3.Check-Raise เพื่อ Protect Equity

บางครั้งแฮนด์ของเราก็ดีมาก แต่ค่อนข้างเปราะบางเมื่อบอร์ดเปลี่ยน ในสถานการณ์แบบนี้ เราควรจะ Raise เพื่อที่จะ Protect Equity ของเรา เช่น

Fried Opens (CO), BU 3Bet, Fried calls ด้วย TT

BU C-bet $22 ใส่ Pot $78 บน Flop 322

แฮนด์ตรงนี้ของ Fried ค่อนข้างดี แต่เปราะบางซึ่งจะอ่อนแอเมื่อ J Q K A ออกมา
จุดนี้จึงเป็นจุดที่ยากเพราะว่าถึงแม้ว่าไพ่ที่ทำให้เราแย่จะไม่ออกมาที่ Turn คู่ต่อสู้ที่ BU ก็เลือกที่จะ Check และให้ดูไพ่ฟรี เป็นการให้โอกาสเค้าที่จะชนะเราได้ที่ River เป็นเหตุให้ทำไม Position ใน Poker จึงสำคัญ

ด้วยเหตุนี้ Fried จึงเลือกที่จะ Raise 4 เท่าของคู่ต่อสู้ และคู่ต่อสู้ก็หมอบไป ที่ชนะตรงนี้ไปได้เป็นเพราะว่า Fried มีโอกาสที่จะ Denied Equity จาก Two Overcards ของคู่ต่อสู้

สรุป

เมื่อเราเจอจุดแบบนี้ตอนที่เป็น 3-Bet Caller พยายามนึกถึงกลยุทธ์นี้เอาไว้

อ้างอิง : https://upswingpoker.com/3-bet-pot-tips-as-caller/

แสดงความเห็น