วิธีการตัดสินใจด้วย Minimum Defense Frequency (MDF)

เมื่อเจอ Bet เราสามารถตอบโต้กลับได้ 3 แบบ Call , Raise, Fold

จะเห็นได้ชัดว่าการ Raise ด้วย Value Hand และ Bluff เป็นการเล่นที่ถูกและง่าย แต่การ Call หรือ Fold นั้นจะไม่ค่อยชัดเจนว่าเราควรทำอะไรดีกว่ากัน

บทความนี้จะพูดถึง 2 ปัจจัยหลักๆที่ผู้เล่นโป๊กเกอร์เก่งๆใช้ตัดสินใจเมื่อเจอ Bet คือ Minimum Defense Frequency และ Pot Odds

.

วิธีการใช้ Minimum Defense Frequency

Minimum Defense Frequency (MDF) คือ สัดส่วนของ Range เราที่จะไปต่อเมื่อเจอคู่ต่อสู้ Bet เพื่อที่จะไม่ถูก Exploit ด้วยบลัฟ

พูดง่ายๆก็คือ MDF คือ เปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำที่เราต้อง Call (หรือ Raise) เพื่อไม่ให้เราโดนคู่ต่อสู้บลัฟ
ถ้าเราหมอบบ่อยกว่า MDF คู่ต่อสู้จะ Exploit เราด้วยการ Over-bluff ใส่เราได้

สูตรในการคิด MDF

Pot size / (Pot size + Bet size)

แล้วคูณ 100 จะได้เป็นเปอร์เซ็นต์ออกมา

.

ตัวอย่าง

Online $1/$2. 6-Handed. Effective Stacks $200.

Hero ถือ J T ที่ตำแหน่ง Button

UTG folds. MP raises to $5. co folds. Hero calls. 2 folds

Flop ($13): T♠ 9 3♠

MP bets $8.5. Hero calls

Turn ($30): 6

MP bets $22.5. Hero calls

River ($75): A

MP bets $37.5. Hero…?

จุดนี้คู่ต่อสู้เสี่ยง $37.5 เพื่อจะชนะ Pot $75 เราลองมาเข้าสูตร MDF กัน

$75 / ($75 + $37.5) = 0.67

MDF คือ 67% ดังนั้น ถ้าอีกฝ่ายบลัฟ การ Bet ของเขาจะต้องทำให้เราหมอบอย่างน้อย 33% เพื่อให้เขาได้กำไร
เราจะเป็นต้อง Call บ่อยขึ้นเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ Exploit เราด้วยการ Over-bluff

.

Minimum Defense Frequency ใช้ตอนไหน

เราควรจะใช้หลักการนี้เมื่ออยู่นอกโต๊ะ (เช่น รีวิวแฮนด์) เพื่อที่จะคุ้นเคยกับแฮนด์ของเราว่าเราควรจะ Call ดีไหมเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่เก่ง การทำแบบนี้จะช่วยปูพื้นฐานให้เราสำหรับการขยับไปเล่นใน Stake ที่สูงขึ้น ซึ่งเราจะต้องเจอกับผู้เล่นเก่งๆที่รู้วิธีกดดัน Range ของเรา

อย่างไรก็ตาม เราแทบจะไม่ต้องใช้หลักการนี้ในทางปฏิบัติเลย โดยเฉพาะกับ Stake ต่ำๆ ที่ผู้เล่นไม่มีการ Balance ใดๆทั้งสิ้น

สถานการณ์เดียวที่จะใช้ MDF มากกว่าการใช้ Pot Odds คือ เมื่อเจอผู้เล่นที่ไม่รู้จักหรือสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยโดยไม่มีข้อมูลผู้เล่น

ยกตัวอย่าง เราไปเล่นที่กัวเตมาลาครั้งแรก $2/$5 buy-in $500

แฮนด์แรกเราถือ J♠T ที่ BB หมอบจนถึง CO open $15. BU&SB fold เรา Call

Flop : J8♠ 5

Hero check. CO bet $20, Hero Call

Turn : Q♠

Hero check. CO bet $45, Hero Call

River  : 4

Hero check. CO bet $110.

ตอนนี้เรากำลังโดนบังคับให้ตัดสินใจด้วย Marginal Hand โดยไม่มีข้อมูลวิธีการเล่นของคู่ต่อสู้

สถานการณ์แบบนี้เราจะใช้ MDF เข้ามาช่วย

นี่คือ Range ของเรา (BB v CO live game)

และนี่คือ Range ของ CO

ทีนี้เรามาใส่ Range กับรายละเอียดอื่นๆลงใน PioSolver ดู

อย่างที่เราเห็น Solver แนะนำให้เราผสมการเล่นด้วย JTo หมอบ 78% , Call 20% และ Bluff-raise 2%

การเล่นแบบนี้คนปกติคงไม่มีใครเขาเล่นกัน เพราะฉะนั้น เรามาลองปรับแนวทางของ Solver ให้เหมือนคนปกติเล่นกันดู (Simplify)

ในกรณีนี้ เรามองว่าคนปกติคงจะหมอบ JT ทุกรอบ เพราะฉะนั้น เราจะชดเชยด้วยการหันไป Call AJ ทุกรอบแทน
(Solver แนะนำให้คอลแค่ 54%)

.

หลีกเลี่ยงการใช้ MDF ตอนไหน

จากที่บอกไปก่อนหน้านี้ เราแทบจะไม่ได้ใช้ MDF เลย

ส่วนนี้เราก็เลยจะพูดถึงสถานการณ์ที่เราจะไม่ได้ใช้ MDF เลย

.

  1. เราเป็นฝ่าย Defend และเจอ Flop C-bet OOP

เป็นความเข้าใจผิดว่าเราควรจะใช้ MDF หลังจาก Defend Big Blind ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริงเพราะ Solver ได้พิสูจน์แล้ว การพยายาม Defend ด้วย MDF ตรงจุดนี้จะทำให้ EV ของเราเป็นลบ กับ Range ของเรา
เมื่อเราได้เห็น Flop หลังจาก Defend Big Blind โดยส่วนใหญ่เราจะเสียเปรียบทั้ง Range และ Position

ทำให้คู่ต่อสู้สามารถเล่นได้อย่าง Aggressive และ Bluff ได้เยอะ

.

  1. เมื่อคู่ต่อสู้ไม่บลัฟเลย

ถ้า Range ของคู่ต่อสู้มีเฉพาะ Madehand ก็เป็นเรื่องโง่ที่จะใช้ MDF ทำไมเราต้องพยายามที่จะไม่ถูก Exploit ด้วยบลัฟ ในเมื่อคู่ต่อสู้ของเราไม่บลัฟเลยหล่ะ?

ตัวอย่าง

Online $2/$4. 6-Handed. Effective Stacks $420.

Hero (MP) ถือ A 3

UTG folds. Hero raises to $9. CO folds. BU calls. 2 folds

Flop ($22): A♠ Q T♠

Hero checks. BU bets $11.5. Hero calls

Turn ($45): 9

Hero checks. BU bets $30. Hero calls

River ($105): K♠

Hero checks. BU bets $50. Hero…?

ตรงจุดแบบนี้คู่ต่อสู้ไม่มี Missed Draw เลย  ทุกอย่างบนบอร์ดอยู่ใน Range หมดเลยทั้งคู่หรือที่กว่านั้น

ตรงนี้ดูจะไม่เข้าท่าถ้า Call ด้วย MDF เพราะ Range ที่ไปถึง River ของคู่ต่อสู้นั้น Strong มาก และดูไม่เหมือนจะเปลี่ยน Madehand ไปเป็นบลัฟเลย

.

  1. เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่อ่อนกว่า

คนที่เล่นไม่เก่งจะไม่มีการ  Balance Range เราจะต้องเล่นแบบ Exploit เพื่อที่จะได้ Value เต็มๆ

การ Exploit ที่พูดถึงนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไป Aggressive Bluff หรือ Call มากขึ้นเสมอไป แต่ยังหมายถึงการที่เราหมอบมากกว่าปกติเพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยบลัฟในจุดนั้นๆด้วย

ดังนั้น เราจะต้องรู้ว่าเราเล่นกับผู้เล่นแบบไหน เก็บข้อมูลและจำว่าต้องเล่นกับคนนั้นยังไง

.

วิธีใช้ Pot Odds เมื่อเจอ Bet

ไม่เหมือนกับ MDF เพราะ Pot Odds แทบจะต้องคิดทุกแฮนด์ที่เล่น

Pot Odds คืออัตราส่วน เช่น 2 : 1 ซึ่งเปลี่ยนไปเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ 33%

สูตรคำนวณ Pot Odds

(Bet size) / (Pot size + Bet size + Call size)

คูณ 100 ก็จะได้เป็นเปอร์เซ็นต์ออกมา

ตัวอย่าง

Online $1/$2. 6-Handed. Effective Stacks $200.

Hero ถือ J T on the button

UTG folds. MP raises to $5. co folds. Hero calls. 2 folds

Flop ($13): T♠ 9 3♠

MP bets $8.5. Hero calls

Turn ($30): 6

MP bets $22.5. Hero calls

River ($75): A

MP bets $37.5. Hero…?

Pot คือ $75 เราต้อง Call อีก $37.5 มาเข้าสูตรดู

37.5 / (75 + 37.5 + 37.5) = 37.5 / 150 = 0.25

คูณ 100 ก็จะได้ว่า เราต้องชนะเมื่อคอลเพื่อที่จะ Break Even 25%

พูดง่ายๆคือ ถ้าเรามี Equity มากกว่า 25% เมื่อเทียบกับ Betting Range ของคู่ต่อสู้แล้ว เราควรจะ Call ทุกครั้ง ไม่ว่าแฮนด์ทื่ถือจะอยู่ตรงไหนของ Range เรา

Pot Odds มีการใช้งานตั้งแต่ Preflop ถึง Postflop เมื่อพิจารณา Call Range เมื่อเจอ Bet แล้ว Pot Odds นำไปใช้ได้จริงมากกว่า MDF

เมื่อเจอกับ River Bet เราสามารถคำนวณ Pot Odds เพื่อที่จะได้หาความถี่ที่ถูกต้องที่จะคอลได้

(ใน Street ก่อนหน้าจะซับซ้อนกว่าเพราะไพ่ที่ออกมาหลังจากนั้นจะเป็นตัวกำหนดได้ว่าใครจะชนะ)

สรุป

เมื่อพูดถึง MDF และ Pot Odds เราควรจะคำนึงถึงวิธีการเล่นและ Range ของคู่ต่อสู้ ก่อนที่จะตัดสินใจ

จากตัวอย่างที่ให้ดู เมื่อเจอกับผู้เล่นที่บลัฟน้อย เราก็ควรจะทิ้ง MDF แล้ว Exploit Fold แทน

ให้ความสนใจกับการใช้ MDF และ Pot Odds ให้เหมาะกับผู้เล่นที่เจอจะดีกว่า

อ้างอิง : https://upswingpoker.com/minimum-defense-frequency-vs-pot-odds/

แสดงความเห็น