Capped Range คืออะไร ทะลวงจุดอ่อนคู่ต่อสู้พร้อมทำกำไรให้เต็มพิกัด

Capped Range คืออะไร

หลายคนคงรู้กันแล้วว่า Range คืออะไรและทำไมพวกโปรถึงใช้กัน แต่เคยได้ยินคำว่า Capped Range กันบ้างหรือเปล่า มันคืออะไรกันนะ เหมือนแคบหมูรึเปล่า วันนี้เรามาทำความรู้จักเจ้าสิ่งนี้กันดีกว่าว่าจะช่วยให้เราชนะในโป๊กเกอร์มากขึ้นอย่างไร

Capped Range คือ

การจำกัด Range ให้แคบลง หรือ Range ที่ไม่มีหรือมีโอกาสน้อยที่จะมีไพ่แข็งๆอยู่ในนั้น เช่น Overpair, 2 คู่, ตอง, เรียง และอื่นๆ

อาจจะยังงงๆ เรามาดูตัวอย่างกันดีกว่า

ในเกม $1/$2 6 คน มี Effective Stacks $200

Hero ในตำแหน่ง BB ถือ K♥ 8♥

UTG Fold, MP Raise $5.3, คนอื่นหมอบ, Hero Call

Flop ($11.00): 9♠ 5♦ 3♠

Hero Check, MP Check

ในช่วง Pre-flop ผู้เล่นตำแหน่ง MP จะมี Range ประมาณนี้

Capped Range คืออะไร
Range ของ MP ตรง Pre-flop : ภาพจาก Upswingpoker.com

แต่พอเขา Check ให้เราตรง Flop เราสามารถตัดไพ่ที่แข็งกว่า Top Pair เช่นพวก Overpair ออกไปได้เลย เพราะถ้ามีจริงเขาน่าจะ Bet เพื่อทำกำไร(สมมติเราเจอกับผู้เล่นที่เล่นตรงไปตรงมา) ซึ่งพอตัดไพ่บางส่วนออก Range อันใหม่ก็จะประมาณนี้

Capped Range คืออะไร
Capped Range ของ MP ตรง Flop : ภาพจาก Upswingpoker.com

จะเห็นได้ว่าคอมโบ Range ไพ่พวก Overcard และพวกไพ่ที่ติดคู่แต่ไม่ได้แข็งมากออกไปเพราะเขามีโอกาสสูงที่จะ Bet ด้วยไพ่พวกนี้จากสไตล์การเล่นตรงไปตรงมาของเขา

ถ้าอิงตาม Range นี้ เราก็สามารถบอกได้เลยว่า Range ไพ่ของผู้เล่นตำแหน่ง MP จะโดนจำกัดให้แคบลง หรือ Capped มาเหลือแค่ไพ่พวกคู่เดียว

ทำไม Capped Range ถึงสำคัญ

การทำให้ Range จำกัดลงมีความสำคัญเพราะช่วยเราเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมมารับมือกับอีกฝ่าย

ถ้าเราเห็นว่าอีกฝ่ายมี Capped Range เราสามารถเลือก Bet Size ที่เหมาะสมเพื่อมาจัดการอีกฝ่ายได้และอีกฝ่ายจะตอบโต้เราไม่ค่อยได้ด้วย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่อีกฝ่ายมี Capped Range นั่นหมายถึง เขาจะไม่ค่อยมีไพ่แข็งๆเท่าไหร่และยากที่จะมาเล่น Aggressive แล้ว Re-raise ใส่เรา

เวลาเจอแบบนี้เราสามารถใช้ Bet Size ราคาเบาๆเพื่อป้องกันไพ่ระดับกลางๆของเราที่ไม่เหมาะจะเล่นพอทใหญ่ๆได้ หรือ เราจะกดดันอีกฝ่ายหนักๆด้วยการใช้ Overbet เลยก็ได้

เพิ่มเติม: ไม่ว่าเราจะใช้ Bet Size ราคาไหน เราควรจะผสมไพ่แข็งมากๆเข้าไปใน Range ด้วย เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกระแวงว่าเราอาจจะมีไพ่แข็งๆและช่วยให้อีกฝ่ายไม่กล้า Raise ใส่เรา

เรามาดูตัวอย่างกันต่อจากเมื่อกี้นี้

ในเกม $1/$2 6 คน มี Effective Stacks $200

Hero ในตำแหน่ง BB ถือ K♥ 8♥

UTG Fold, MP Raise $5.3, คนอื่นหมอบ, Hero Call

Flop ($11.00): 9♠ 5♦ 3♠

Hero Check, MP Check

ไม่ว่าไพ่ Turn จะออกมาเป็นอะไร Range ของเราจะมีแต่คอมโบของไพ่แข็งๆเต็มไปหมด ส่วนอีกฝ่ายที่มี Capped Range ส่วนมากก็จะมีได้แค่ 1 คู่เท่านั้นแหละ ซึ่งถ้าเรามีไพ่ดีๆตรงนี้ ก็สามารถทำกำไรหนักๆจากไพ่ที่แข็งที่สุดใน Range อีกฝ่ายได้เลย

การใช้กลยุทธ์ Overbet ตรงนี้มักจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในก็เพราะ

  • ช่วยให้เราได้กำไรสูงสุดเวลามีไพ่ดีๆ
  • เราสามารถใช้ไพ่ที่หลากหลายมากมา Bluff และได้กำไรเพราะเราให้ Pot Odd ที่ไม่ดีกับอีกฝ่าย

แต่การจะใช้กลยุทธ์นี้ให้ได้ผลเราต้อง Bluff บ่อยๆให้เห็นอีกฝ่ายเห็นหน่อย เพราะถ้าเราเน้นแต่ทำกำไรมากไป เขาจะมีโอกาสเชื่อสูงและยอมหมอบไปได้

และถ้าเรา Bluff มากพอ อีกฝ่ายจะคิดหนักทันที โดยเขาอาจจะคิดได้สองแบบ คือ

  • โดนกดดันจนเละเทะและยอมหมอบมากขึ้น (ตรงนี้ทำให้ Bluff ของเรามีค่า EV+)
  • กำหมัดสู้และยอม Call ตามไปวัดสักหน่อย (ตรงนี้ทำให้เราได้กำไรเต็มที่เวลาติดไพ่ดีๆ)

ไม่ว่าจะทางไหนก็เสร็จเราอยู่ดี

นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ประโยชน์จาก Capped Range ของอีกฝ่ายด้วยการ Bet เบาๆเวลาถือไพ่ระดับกลางๆ สมมติถ้า Turn ออกมาเป็น 2 เราสามารถ Bet 33% ด้วยไพ่อย่าง A5 เพื่อทั้งทำกำไร (For Value) และเป็นการป้องกันเราจากไพ่ที่มีโอกาสพลิกมาชนะ (Deny Equity) ย้ำอีกครั้งว่า ถ้าจะ Bet เบาๆ ต้องมีไพ่แข็งๆผสมอยู่ด้วยเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกล้า Raise ใส่

ทำไงดีเวลาเรามี Capped Range ซะเอง

เวลาเรามี Range จำกัด เราต้องทำไงก็ได้ให้เล่น Range เราให้ดีที่สุด ถ้าเจออีกฝ่ายกดดันหนักๆและเห็นเขาบลัฟบ่อยๆ เราก็ต้องเตรียมใจที่จะ Call ไปเจอตอบ้าง

แต่ก็มีวิธีที่จะทำให้ Range เราโดนจำกัดน้อยลงคือ

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราจำกัด Range ไพ่ตัวเองโดยการ Check เราก็ควรจะ Check ด้วยไพ่ที่จะช่วยให้ Range ไม่โดนจำกัดผสมเข้าไปด้วย โดยไพ่ที่ควรจะผสมเข้าไปใน Capped Range ของเราก็จะขึ้นอยู่สภาพของบอร์ด เช่น

  • ในบอร์ด 9♠ 5♦3♠ เราอาจจะผสมการ Check ของเราไปด้วยไพ่อย่าง AA เป็นบางครั้ง หรือ พวกรอเรียงกับรอสี เพื่อที่ว่าเวลา Turn ออกมาแล้วติด อีกฝ่ายก็จะไม่ค่อยกล้า Bluff เรา
  • หรือในบอร์ด Q♠ 9♦ 7♥ เราอาจจะ Check กลับด้วย 97 หรือ AA ผสมเข้าไปด้วย

แต่จำไว้เสมอว่า การเล่นแบบนี้จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อเจอกับผู้เล่นเก่งๆที่พยายามใช้ประโยชน์จาก Capped Range ของเรา ถ้าเจอกับพวกมั่วๆที่ไม่สนใจ ควรจะ Bet ออกไปเลยดีกว่า

สรุป

เราควรจะระวังเรื่อง Capped Range อยู่เสมอทั้งของเราและอีกฝ่าย ถ้าเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีและนำกลยุทธ์ไปปรับใช้แล้ว เชื่อเถอะว่าจะช่วยให้เราได้ค่า EV+ มากขึ้นอีกแน่นอน อาจจะดูละเอียดๆและยาวไปหน่อย แต่รับรองว่าช่วยได้เยอะแน่นอน

 

ที่มา

แสดงความเห็น