3-Bet คืออะไร ใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3-Bet คืออะไร ใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ผู้เล่นหลายคนใช้ตามๆกันมาโดยไม่รู้เหตุผลเบื้องหลังจริงๆว่าทำไมถึงต้องใช้ บางคนก็ 3-bet ด้วย Range ไพ่ที่กว้างเกินไป บางคนก็ Range แคบเกิน ซึ่งอีกฝ่ายสามารถอ่านการเล่นของเราได้จากจุดนี้ ในบทความนี้จึงอยากจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจให้ถึงหลักการจริงๆของการใช้ 3-bet เพื่อจะนำไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุด

ประเภทของการ 3-bet

การใช้ 3-bet แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

  1. Value 3-bet
  2. Light 3-bet

1. Value 3-bet

ความหมายตามตัวเหมือนกับการ Value Bet โดยเราคิดว่าถือไพ่ที่ดีที่สุดอยู่ (เช่น AA, KK) จึงใช้ 3-bet เพื่อเรียกเงินให้มากขึ้น

ซึ่งไพ่ที่จะใช้ Value 3-bet ไม่ได้จะจำกัดแค่ไพ่ใหญ่ๆอย่าง AA หรือ KK แต่มันจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เราคิดว่าไพ่ของเราดีที่สุดอยู่ เช่น การเล่นของคนบนโต๊ะ Image ของเรา หรือ Image ของอีกฝ่าย

ถ้าเจอกับผู้เล่น TAG เราอาจจะ Value 3-bet ให้ Tight ขึ้น เช่น AA KK QQ JJ หรือ AK

ถ้าเจอกับผู้เล่น LAG หรือ Fish อาจจะ Value 3-bet ให้กว้างขึ้นอีก เช่น 1010 99 AK AQ

ในส่วนของ Value 3-bet คงไม่ต้องลงรายละเอียดมากนักเพราะหลายๆคนก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าได้ไพ่ดีๆมาก็ต้องเรียกเงินสูงๆเพื่อทำกำไรให้มากขึ้น

2. Light 3-bet

การใช้ Light 3-bet จะหมายถึง การที่เรา Re-raise ใส่คนที่ Open-raise มาด้วยไพ่ที่ไม่ได้ดีอะไรมากแต่ก็ยังพอเล่นได้อยู่บ้าง

การใช้ Light 3-bet จะคล้ายๆกับการ Semi-bluff โดยเป้าหมายในการใช้อย่างแรกเลยคือ บีบให้อีกฝ่ายหมอบเพื่อชนะพอทนั้นไปในทันทีโดยไม่ต้องไปดู Flop

เพราะฉะนั้น คู่ต่อสู้ที่เราควรจะใช้ Light 3-bet จะต้องเป็นพวก Loose ที่ Open-raise บ่อยๆ

เพราะพวกนี้มักจะเล่นไพ่กว้างและเวลาโดน 3-bet ส่วนใหญ่มักจะยอมหมอบไป ถ้าเราใช้ 3-bet ใส่เขารัวๆเราก็จะได้เงินมาฟรีๆโดยไม่ต้องดู Flop เลย

Light 3-bet ช่วยในเรื่อง Image ของเรา

ลองคิดดูว่าถ้าเราใช้แต่ Value 3-bet ที่มีแต่ AA KK QQ อีกฝ่ายก็จะอ่านเราออกได้ง่ายและคงไม่ยอมจ่ายเงินให้เราแน่ๆ แต่ถ้าสมมติว่าเราเอาไพ่อย่าง 87s ไปใช้เป็น Light 3-bet ใส่อีกฝ่ายล่ะ แน่นอนว่าอีกฝ่ายจะมองเราเปลี่ยนไป เขาอาจจะคิดว่า “คนนี้มันเอา 87s มา 3-bet ด้วยว่ะ อาจจะไม่ Tight จริงก็ได้ ต้อง Call ตามมันให้บ่อยขึ้นละ” ซึ่งตรงนี้แหละที่จะมีผลต่อ Image ของเราและทำให้เวลามีของดีจริงๆเราจะทำเงินได้มากขึ้นหรือก็คือเป็นการทำ Range 3-bet ของเราให้สมดุลนั่นเอง (Balance Range)

จะใช้ไพ่แบบไหนในการ Light 3-bet ดี

จริงๆก็ไม่มีไพ่ไหนที่ดีหรอก แต่ถ้าเข้าใจหลักการใช้ Light 3-bet เราก็จะเลือกไพ่มาใช้ได้ดีเองแหละ

อย่างที่บอกไปว่าเป้าหมายแรกเลยคือ เราจะบีบให้อีกฝ่ายหมอบเพื่อชนะเงินในพอทนั้นในทันที แต่แน่นอนว่าอีกฝ่ายโดนบ่อยๆก็ต้องมีขัดขืนตามมาสู้กับเราบ้าง เพราะฉะนั้นเราจึงต้องการใช้ไพ่ที่สามารถเล่น Post-flop ได้ดีหรือสามารถพัฒนาไปต่อได้หลายทางเช่นพวก Suited Connectors (87s, 45s, 910s) ที่มีโอกาสติดของดีๆเยอะ

อย่า 3-bet มากจนเกินไป

การใช้ 3-bet หลักๆเราใช้เพื่อ Value เท่านั้น ส่วนการใช้ Light 3-bet เป็นเพียงการผสมผสานและหลอกล่ออีกฝ่ายเพื่อช่วยให้เวลามีไพ่ดีจริงๆเราจะทำกำไรได้มากขึ้นเท่านั้นเอง เพราะอย่างที่บอกไปว่า ถ้าเรา 3-bet Tight เกิน อีกฝ่ายก็จะไม่กล้าเล่นกับเรา ซึ่งในทางตรงกันข้าม ถ้าเรา 3-bet มากเกินไป เราก็จะหมดความน่าเชื่อถือและอีกฝ่ายจะไม่ค่อยหมอบให้เราซึ่งทำให้ครั้งต่อๆไปเราจะใช้ Light 3-bet ได้ยากขึ้น

เลือก Size อย่างไรดี

เราไม่ควรใช้ Bet Size ที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของไพ่เรา เช่น ถ้าเราถือ AA เราจะใช้ 4x เพื่อ Value 3-bet แต่เวลาเราถือ 910s เราจะใช้ 3x เพื่อ Light 3-bet ซึ่งมันไม่ค่อยถูกเท่าไหร่เพราะผู้เล่นเก่งๆหรือพวกช่างสังเกตจะอ่านคุณออกหมดเลยว่ามีไพ่อะไรอยู่

สิ่งที่จะมากำหนดราคาในการ 3-bet จริงๆก็คือ ‘ตำแหน่งในการเล่น’ สิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นก็คือตำแหน่งที่แหละ การที่เรามีตำแหน่งที่ดีได้เล่นในคนสุดท้ายสามารถทำอะไรได้หลายอย่างมาก

โดยถ้าเรามีตำแหน่งที่ดีกว่า (In-Position) ราคาที่ดีจะอยู่ประมาณ 3x ถึง 3.5x จากราคาที่อีกฝ่าย Open-Raise ซึ่งเป็นราคาที่กำลังดี Value ก็ได้หรือถ้าบลัฟอีกฝ่ายก็คิดหนักเช่นกัน

แต่ถ้าเราตำแหน่งแย่กว่า (Out of Position) เราต้องเพิ่มราคาให้สูงขึ้นเพื่อชดเชยตำแหน่งที่เสียเปรียบ จากปกติเวลาตำแหน่งดีกว่าเราจะใช้ที่ 3x ก็ให้เพิ่มไปเป็น 4x หรือ 4.5x เลย ซึ่งจะช่วยให้อีกฝ่ายอาจจะยอมหมอบไพ่อ่อนออกไปบ้างและเราจะเล่นได้ง่ายขึ้นอีกนิด

ใช้การเป็นคนคุมพอท (Initiative) ให้เป็นประโยชน์

เวลาเรา 3-bet แล้วอีกฝ่าย Call ตามมาเฉยๆจะถือว่าเราเป็นคนคุมพอทนั้นซึ่งจะได้เปรียบตรงที่ อีกฝ่ายจะมองว่าเรามีโอกาสถือไพ่ดีๆอยู่สูง เพราะเราเป็นคน 3-bet และอีกฝ่ายเลือกที่จะ Call มาเฉยๆ เพราะฉะนั้น ถึงแม้เราจะไม่ติดอะไรบน Flop เราก็สามารถอาศัยการเป็นคนคุมพอท Bet นำออกไปเพื่อกดดันอีกฝ่ายได้

แต่ตรงนี้เราก็ต้องพอมีข้อมูลอีกฝ่ายอยู่บ้างว่าเขาเป็นแบบไหน บางคนอาจจะสนใจแค่ไพ่ของตัวเอง ไม่ติดก็หมอบแต่ถ้าติดสักคู่ก็ตาม บางคนอาจจะชอบ Trap ก็ระวังๆกันด้วย

 

ที่มา

แสดงความเห็น