Range Poker ปรับอย่างไรให้ได้กำไร มาดู 4 ข้อนี้กัน!!!

 
 

สวัสดีเหล่าสมาชิกชมรม Team Poker Beast ทุก ๆ ท่าน
บทความวันนี้ก็อยากจะนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝากสำหรับผู้เล่นใหม่ ๆ หรือผู้เล่นเก่าที่อยากจะทบทวน
ซึ่งสำหรับหัวข้อบทความในวันนี้เราก็จะมาพูดถึงเรื่องการปรับ ของเราว่าเราควรจะปรับตอนไหนดี
สถานการณ์ไหนที่เราควรเลือกแฮนด์เปลี่ยนไปจาก GTO ที่เป็นฐานของเรา
 
ปกติเราก็จะเริ่มเล่นจากการมี GTO เป็นฐาน (Baseline) ใช่มั้ยครับ
อย่างตรง Preflop ในช่วงแรกเราก็อาจจะยึดเอาจาก Preflop Chart สักอันนึงเพื่อใช้เป็นฐานไว้ก่อน
แต่เกมจะต้องมีการปรับตัว () ตลอด ซึ่งหัวข้อในวันนี้เราก็จะมาพูดถึง 4 ปัจจัย
ปรับ Range อย่างไรให้ได้กำไรเต็มพิกัดกันครับ เรามาดูกันเลย
 

1. ปรับ Range ตามขนาดหน้าตัก

สำหรับในข้อแรกนี้สาย อาจจะไม่ได้เจอบ่อยนัก
ถ้าเจอบ่อย ๆ ก็อาจจะเป็นโป๊กเกอร์ในแอพอย่าง สยามโปกเกอร์ (Siam Poker)
หรือ แต่สำหรับสาย Tournament นั้นผมบอกเลยว่ายังไงก็ต้องฝึกให้ชำนาญ
 
เราควรรู้ว่าเราเจอกับผู้เล่นที่มีขนาดหน้าตักเป็นยังไงอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ก็จะค่อนข้างเกี่ยวกับค่า SPR (Stack to Pot Ratio)
ถ้าจะอธิบายง่ายๆก็คืออย่างเวลา เราจะเล่นพวก แรงมากไม่ได้
แต่เราอยากจะเน้นเล่นแฮนด์ที่เป็น Nuts เยอะๆแทน โดยเราจะเน้นแฮนด์พวกที่สามารถทำ Straight
ทำ Flush ได้ดีอย่าง A4s หรือ 89s T9s หรือพวก Pocket Pairs ต่าง ๆ เพราะเวลา Deep stack
เราติดของใหญ่แต่ละครั้งเราจะได้กินเต็ม ๆ แน่นอน
 
กลับกันเวลาเจอ เราอาจจะไม่ได้เน้นเล่นแฮนด์อย่างพวก 89s มากแล้ว แต่เราจะเน้นไปที่แฮนด์
ที่สามารถทำ Top Pair ดีๆอย่างพวก AJ หรือ KQ ต่างๆแทน
เพราะสำหรับ Short stack แค่ Top Pair นี่ก็พร้อมบวกแล้ว
 
 
 

2. อย่าลืมนึกถึงตำแหน่ง

ตำแหน่งสำคัญมากๆในโป๊กเกอร์ ลองคิดดูว่าบนโต๊ะ 9-max เราอยู่ตำแหน่ง UTG
ซึ่งเป็นคนเริ่มคนแรกเราก็คงไม่อยากเลือกแฮนด์กว้างๆเข้าไปเล่น เพราะยังเหลืออีก 8 คนข้างหลังที่รอเล่นอยู่
ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมี AA, KK หรือแฮนด์ดี ๆ รอเซอร์ไพรส์เราอยู่รึเปล่า เพราะฉะนั้น ในตำแหน่งต้น ๆ
การเล่น Tight ไม่ใช่เรื่องแปลกและแทบจะเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ
 
กลับกัน ตำแหน่งอย่าง BU สามารถเล่นได้กว้างก็เพราะเหลือแค่ SB และ BB
ที่อยู่ข้างหลังแถมตัวเองยังได้เล่นเป็นคนสุดท้ายเองซึ่งไม่มีอะไรจะได้เปรียบกว่านี้อีกแล้ว
สรุปโดยรวมเราก็จะเห็นว่า Range ของเราจะปรับได้กว้างขึ้นตามตำแหน่งถัดๆไปเพราะคนที่รอเล่นข้างหลังน้อยลงนั่นเอง
 

3. ระวังคนเก่งที่ตำแหน่ง BU กับ BB ให้ดี

แน่นอนว่าตำแหน่ง BU เป็นตำแหน่งที่ได้เปรียบที่สุดในเกมและจะเล่นไพ่ค่อนข้างกว้าง
เพราะได้เล่นทีหลังคนอื่นเสมอ ส่วน BB ก็เป็นตำแหน่งที่ปกติเราจะต้องเล่นด้วย Range ไพ่ที่กว้างอยู่แล้ว
ซึ่งถ้าบนโต๊ะเราในสองตำแหน่งนี้มีคนเก่งๆนั่งอยู่ให้ระวังให้ดีเลย
 
เพราะพวกนี้เขาจะรู้วิธีใช้ความดุดันมาสู้กับเราทั้ง Preflop และ Postflop เพราะฉะนั้น
เราควรพยายามหลีกเลี่ยงการเอาแฮนด์ที่อ่อนที่สุดใน Range ของเราไปเล่น
อย่างถ้าแฮนด์อ่อนที่สุดของเราที่จะเอาเข้าไปเล่นคือ KTo แต่เราพิจารณาแล้วว่า 2 คนในตำแหน่ง BU กับ BB
เขาเก่งและดุดันมาก เราอาจจะเลือกหมอบไปแทนก็ได้
 
กลับกัน ถ้าใน 2 ตำแหน่งนั้นเป็นผู้เล่นที่เรามองแล้วว่าอ่อนมาก เราสามารถหาประโยชน์จากเขาได้สบาย ๆ
เราก็อาจจะเลือกไพ่ไปเล่นกว้างขึ้นอีกนิดนึงได้เช่นกัน
 

4. รู้ว่าตอนไหนควร Raise และตอนไหนควร Jam

สำหรับอันนี้สาย Cash Game อาจจะไม่ได้เจอบ่อยเช่นกันเพราะไม่ค่อยมีการ Jam เหมือนในทัวร์นาเมนต์
แต่สำหรับสายทัวร์นาเมนต์เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญและมีผลต่อหน้าตักของเราพอสมควรเลย
 
ลองคิดดูว่าถ้าเรามี AA เราก็คงอยากให้มีคนมาเล่นด้วยกับเราใช่มั้ยครับ เราคงไม่อยากถือ AA เลือก Jam ไปแล้ว
อีกฝ่ายหมอบกันหมดแน่ๆซึ่งแทนที่เราจะได้ Value เยอะก็กลับต้องอดได้ไปแบบงง ๆ
แต่มันก็จะมีแฮนด์อยู่กลุ่มนึงที่ Equity มันก็แข็งแกร่งพอตัวแหละแต่บางทีพอเข้าไปเล่น Postflop แล้วอาจจะเล่นยากไปนิด
 
ยกตัวอย่างเช่น 88 ที่ตรง Preflop นี่ค่อนข้างแข็งแกร่งเลยแต่มักจะเปลี่ยนไปเป็นฝ่ายตามบ่อยๆตรง Postflop
เพราะไพ่ที่สูงกว่า 8 ที่มีโอกาสตกบน ก็มีตั้งแต่ 9 ขึ้นไป ซึ่งพอตกออกมาเราก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายติดหรือเปล่า
ทำให้เล่นได้ลำบาก ซึ่งแฮนด์แบบนี้ในบางสถานการณ์เราอยากจะเลือก Jam หรือ All-in ตั้งแต่ Preflop ให้จบๆไปเลย
 
เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจยากๆช่วง Postflop แล้วก็เพื่อเป็นการลดทำลาย Equity ของอีกฝ่ายด้วย
เช่น ทำให้อีกฝ่ายหมอบแฮนด์ที่เป็น Overcard ที่สูงกว่า 8 หมอบไปได้ อย่างถ้าอีกฝ่ายมี QJo ที่ถ้าเรา Raise ไปเฉย ๆ
เขาอาจจะสามารถ Defend ได้แล้วเราต้องไปเล่นแบบ Equity 50/50 แต่ถ้าเราเลือก Jam แทนเขาก็อาจจะหมอบไปเลย
ซึ่งตรงนี้ถือเป็นข้อดีอีกอย่างของการ Jam ที่สามารถลดความเสี่ยงตรงนี้ได้เช่นกัน
 
(สำหรับคนที่อยากศึกษาเกมโป๊กเกอร์ทั้ง Cash Game และ Tournament ตอนนี้ทาง TPB มีเปิดสอนทุกเดือน โดยจะมีคลาสสด 12 ครั้ง / เดือน พร้อมดูย้อนหลังได้อีก 200 กว่าคลิป สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/3Au2bUq )
คอร์สเรียนโป๊กเกอร์ออนไลน์
แสดงความเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง