โป๊กเกอร์กับการลงทุน เล่นโป๊กเกอร์ได้ดีมีแนวโน้มจะเทรดเก่ง
โป๊กเกอร์กับการลงทุน หลายๆคนคงเคยได้ยินมาว่า Poker กับการลงทุนเป็นเรื่องคล้ายๆกันและมีนักโป๊กเกอร์ผันตัวไปเป็น เทรดเดอร์ หรือ นักลงทุนกันเยอะ อย่างที่มีออกข่าวก็ Vanessa Selbst อดีตโปรโป๊กเกอร์ที่ผันตัวไปทำงาน Hedge Fund
เราลองมาดูกันดีกว่าว่าทั้งสองอย่างมีอะไรบ้างที่คล้ายกันและเราจะสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้เพื่อให้เก่งทั้งด้านโป๊กเกอร์และการลงทุนได้อย่างไร
1. รู้ว่าเมื่อไหร่ควรถอย
นักโป๊กเกอร์ที่ดีจะหมอบบ่อยมาก ซึ่งพอเล่นแบบนี้มันก็จะน่าเบื่อหน่อย แต่สิ่งนี้แหละที่ เทรดเดอร์ ต้องมีเพื่อจะประสบความสำเร็จ
การประสบความสำเร็จในโป๊กเกอร์ไม่ใช่การชนะในแฮนด์นั้น แต่เป็นการทำเงินได้ในระยะยาวต่างหาก ซึ่งไพ่ที่ได้มาก็มักจะเป็นไพ่ที่ทำให้แพ้และเสียเงินซะเป็นส่วนใหญ่ ตรงนี้แหละที่ต้องอาศัยวินัยและความอดทนเพื่อรักษาแบงค์โรลของเรานานพอที่จะถึงจุดที่เราได้ไพ่ที่ใช้ทำเงินมา
ส่วนความสำเร็จในการลงทุนก็อยู่ที่ความสามารถในการสะสมทรัพย์สินในระยะยาว ไม่ใช่การได้กำไรเล็กๆน้อยๆในระยะสั้น ซึ่งต้องอาศัยวินัยและความอดทนในการยึดอยู่กับแผนที่วางไว้ในระยะยาวแทนที่จะไปเสี่ยงหนักๆเพื่อหวังจะได้เงินเยอะๆในทันที
การที่เราเลือกจะไม่ทำอะไรเลยก็เป็นส่วนสำคัญในการทำเงินในระยะยาว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องนั่งเปื่อยรอไพ่เฉยๆ นักโป๊กเกอร์ และ เทรดเดอร์ ที่ดีจะคอยสังเกตและเตรียมพร้อมที่จะหาโอกาสทำเงินอยู่ตลอดเวลา
2. รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร
นักโป๊กเกอร์ต้องตัดสินใจ Bet Call Raise หรือ Fold ด้วยข้อมูลที่ได้มาไม่ครบ เพราะเราไม่รู้ทั้งไพ่บนมืออีกฝ่าย หรือ ไพ่กองกลางที่ยังไม่เปิดออกมา
การลงทุนก็เช่นกัน เราคาดเดาพวกอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ราคาหุ้น หรือ ปัจจัยอื่นๆที่มีผลกับการลงทุนได้ยากมาก ถึงบางครั้งเราพอจะวิเคราะห์ได้ก็เถอะ ซึ่งการได้ข้อมูลมาไม่ครบแบบนี้ ทำให้กุญแจสำคัญในการประสบความสำเร็จทั้งในโป๊กเกอร์และการลงทุนก็คือ การประเมินสถานการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นและเลือกตัดสินใจให้ดีที่สุดตามผลลัพธ์ที่จะเกิด
3. เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์
พฤติกรรมของมนุษย์แบบเราๆเป็นสิ่งสำคัญมากในโป๊กเกอร์ คุณจะต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของผู้เล่นในโต๊ะเพื่อหาข้อมูลมาช่วยคาดการณ์ไพ่บนมืออีกฝ่ายเสมอ เช่น ถ้าเห็นว่าอีกฝ่ายเอนหลังพิงเก้าอี้ หรือ หยิบชิพทันทีที่ดูไพ่บนมือเสร็จ ควรจะระวังไว้ว่าเขาอาจถือไพ่ดีๆอยู่
แต่สิ่งที่ นักโป๊กเกอร์ หรือ เทรดเดอร์ บางคนเพิกเฉยก็คือ การสังเกตพฤติกรรมตัวเอง
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะเริ่มเข้าซื้อเมื่อเห็นราคาขึ้นสูงๆและเห็นว่าผู้คนรอบข้างต่างเห็นพ้องต้องกัน แต่กลับกลัวที่จะยอมขายเมื่อสิ่งที่คิดไว้ไม่เป็นไปตามคาด
การเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์จึงหมายถึงการเข้าใจพฤติกรรมของตัวเองและเข้าใจพฤติกรรมของคนอื่นๆด้วยเช่นกัน
4. เวลาเสียต้องเสียให้น้อยและเวลาได้ต้องได้เต็มพิกัด
ในโป๊กเกอร์จะมีสไตล์ของผู้เล่นอยู่หลักๆ 4 อย่าง
- Loose-Passive – พวกนี้จะเน้น Call อย่างเดียว
- Loose-Aggressive – พวกนี้จะเล่นไพ่หลากหลายและ Raise บ่อย
- Tight-Passive – พวกนี้จะค่อนข้างระวังในการใช้เงิน แต่จะไม่ค่อย Bet หรือ Raise และจะ Call เมื่อติดไพ่ดีๆเท่านั้น
- Tight-Aggressive – พวกนี้จะเจ๋งที่สุด ระมัดระวังในการใช้เงินแต่เมื่อเห็นโอกาสทำเงินดีๆก็กล้าเสี่ยง เล่นไพ่ไม่หลากหลาย แต่ทุกครั้งที่เล่นจะ Bet และ Raise หนักๆ
ถ้าเทียบนักลงทุนระดับโลกอย่าง Warren Buffett ก็คงจะเป็น Tight-Aggressive นี่แหละ
เพราะเขาใช้เงินอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อพบสิ่งที่อยู่ในขอบเขตความรู้ของเขาพร้อมกับราคาที่ใช่ เขาก็พร้อมจะเสี่ยงทุ่มเงินเพื่อทำกำไรมหาศาล
5. ต้องควบคุมอารมณ์
การควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ในโป๊กเกอร์จะเรียกกันว่า “Tilt” ซึ่งจะทำให้เราตัดสินใจโดยไม่ใช้เหตุผล
เทรดเดอร์ ที่มีกลยุทธ์ดีๆแต่มักจะปล่อยให้อารมณ์เข้ามาครอบงำ ก็ทำให้ตัดสินใจได้แย่เช่นกัน อย่างที่ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนบอก การตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในโป๊กเกอร์ (และการลงทุน) ก็คือ “การตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไปดี”
คนที่เคยพบกับประสบการณ์อันโหดร้ายจากการลงทุนไม่ควรจะปล่อยให้อารมณ์ที่เคยพบมามีผลต่อการตัดสินใจครั้งต่อๆไป ถ้าพบว่ามันยากที่จะควบคุม ก็ลองเปลี่ยนไปถือเงินสดดู ถ้าเทียบกับโป๊กเกอร์ก็คงเป็นการปล่อยนั่ง Sit Out สักพักก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีเหมือนกัน นอกจากนี้ นักโป๊กเกอร์และนักลงทุนที่ดีควรจะเล่นในระดับที่ตัวเองรับได้ ไม่ควรเสี่ยงเงินมากเกินกว่าที่ตัวเองจะรับไหว
สรุป โป๊กเกอร์กับการลงทุน
จะเห็นได้ว่ามีหลายอย่างที่เหมือนกันทั้งในโป๊กเกอร์และการลงทุน แต่อย่าลืมว่า การจะสร้างความมั่งคั่งได้จริงๆ เราจะต้องบริหารเงินอย่างจริงจัง โป๊กเกอร์เป็นเพียงแค่เกม แต่การลงทุนคือการทำธุรกิจจริงๆ ทั้งคู่ต้องอาศัยระยะเวลาและความทุ่มเทอย่างหนักเพื่อตัดสินว่า คุณจะมีอนาคตที่สุขสบายหรือไม่
