4 เทคนิคเล่น JJ อย่างไรให้ได้กำไรสูงที่สุด

4 เทคนิคเล่น JJ อย่างไรให้ได้กำไรสูงที่สุด 

JJ หรือ Pocket Jacks ถือเป็นหนึ่งในไพ่ที่เล่นให้ได้กำไรยากที่สุดใน NLH คือเป็นไพ่ที่ดีแหละ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรขนาดนั้น เพราะแค่มี Overcard (Q, K, A) โผล่ขึ้นมาบนบอร์ดเราก็เล่นได้ยากแล้ว

ในการเล่น Cash Game ไพ่อย่าง JJ ยังต้องอาศัยสมาธิมากๆเพราะถ้าเราเล่นพลาดไปนิดเดียว เราจะสูญเสียหนักมาก ในบทความนี้จึงอยากจะแนะนำเทคนิคเล็กๆน้อยๆเพื่อให้รับมือกับไพ่เจ้าปัญหานี้ได้ดีขึ้น

Pocket Jacks ถือว่าแข็งแกร่งในระดับไหน

แน่นอนว่าถ้าได้ JJ มาก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะเล่นเพราะเป็นถึง Pocket Pair อันดับ 4 และเป็น Made Hand (ไพ่ที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้วโดยไม่ต้องอาศัยไพ่บนบอร์ด)

ตรง Pre-flop จะมีแค่ QQ KK และ AA เท่านั้นที่นำเราอยู่ ซึ่งตามหลักสถิติเราจะไม่ไปเจอตอแบบนี้บ่อยๆหรอก แต่เจอแต่ละทีก็เจ็บหนักพอสมควรถ้าเล่นได้ไม่ดี

ส่วนที่จะเจอบ่อยๆขึ้นก็คือพวก Overcard อย่าง AK AQ หรือ KQ ถ้าเล่นกันในพอทที่มีการ Raise ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้เรียกว่าเรามีโอกาสชนะ 50-50 (Coin Flip) ถ้าเล่นไปถึง Showdown

ใน NLH เราควรจะเล่นพอทใหญ่ๆเวลามีไพ่ใหญ่ๆเท่านั้น แต่โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่ JJ ไม่ใช่ไพ่ที่ใหญ่ขนาดนั้น เพราะยังมีโอกาสเสียหนักๆเวลาเจอ Pocket Pair ที่ใหญ่กว่าและพวก Overcards

เทคนิคเล่น JJ ใน Cash Game

  1. กลยุทธ์ช่วง Pre-flop

Raise 80%

เวลาได้ JJ มาแนะนำให้ Raise 80% โดยใช้ Size ประมาณ 3-4x ถ้าเป็นคน Open Raise ในทุกๆตำแหน่ง

ถ้าอยู่ตำแหน่งต้นๆ (Early Position) ก็อย่า Commit กับ Pot มากเกินไป ให้เล่นคล้ายๆกับว่าเราเล่นพวก Pocket Pair เล็กๆบน Flop

Call 20%

20% ที่เหลือให้เรา Call ตามเฉยๆ เหตุผลที่เรา Raise ก็เพื่อลดจำนวนคนเข้ามาเล่นและเก็บข้อมูลจากอีกฝ่าย แต่ถ้าเกิดเราโดน Re-raise เราสามารถคาดการณ์ไพ่อีกฝ่ายได้แคบลงมาอยู่ที่ Pocket Pair ใหญ่กว่าเราหรือพวก A ใหญ่ๆได้

ถ้าเจอ Re-raise ราคาถูกๆก็สามารถ Call ไปและอาศัยทักษะการอ่านอีกฝ่ายเพื่อเล่นตรง Flop ได้ แต่ถ้าเจอ Re-raise ราคาแพงๆส่วนใหญ่ก็จะหมอบ หรือถ้าเจอ Limp Re-raise มาก็มักจะหมอบให้เสมอเว้นแต่เจอ Raise ราคาถูกๆ

ที่ Call หรือ Limp 20% ตรงนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงและผสมผสานการเล่นให้หลากหลายขึ้น

กรณีเจอ Pre-flop Raise มาก่อนหน้า

ถ้าเจอแบบนี้ให้เราเล่น JJ เหมือนกับเราเล่นพวก Pocket Pair เล็กๆ โดยเน้นดูพอทราคาถูกๆเพื่อไปลุ้นติด Set บน Flop แต่บางครั้งก็ Re-raise เพื่อหาข้อมูลอีกฝ่าย ถ้าโดน Re-raise กลับมาอีกทีนั่นคือเรามีโอกาสเจอตอสูงแล้ว

  1. กลยุทธ์ช่วง Post-flop เวลาไม่มี Overcards

การเล่นช่วง Post-flop ส่วนมากจะขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายที่เจอและ Action เป็นอย่างไรตรง Pre-flop ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคุณ Call Raise มา หรือ คุณเป็นคน Raise แล้วมีอีกฝ่าย Call ตามมา 1 หรือ 2 คน

JJ จะค่อนข้างยากหน่อยเวลาเล่นตรง Flop เพราะตามสถิติแล้วมีโอกาสถึง 2/3 ที่ Overcard จะโผล่บนบอร์ด ซึ่งเราจะเหลือโอกาส 1/3 ที่จะถือ Overpair ตรง Flop และเราจะต้องเล่นให้ Aggressive ในกรณีที่อีกฝ่าย Flat call ให้ลองดูบอร์ดว่ามี Draw อะไรบ้างและเล่นให้เหมาะสมตรง Turn และ River

ถ้าโดน Raise ล่ะ

ถ้าเราโดน Raise ใน Flop 10-high อีกฝ่ายอาจจะมี A10 อยู่และเราจะได้กำไรเต็มๆ ใน Flop แบบนี้เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์กับเราเลยเพราะมักจะได้ Action เยอะๆจากพวก A10 กับ K10

แต่ใน Flop แบบเดียวกันนี้ก็อาจจะเป็นนรกได้เหมือนกันถ้าเราเจอกับ Pocket Pair ที่ใหญ่กว่าเรา ซึ่งเราไม่ควรไป Re-raise หรอก ทำได้ดีสุดก็คือ Call หรือ Fold

  1. กลยุทธ์ช่วง Post-flop ถ้ามี Overcard

การเล่น JJ บน Flop ที่มี Overcard จะทำให้เราสามารถยอมหมอบได้ราคาถูกๆเลย เพราะอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่ามีโอกาสถึง 2/3 ที่ Overcard จะโผล่บนบอร์ด แต่แน่นอนว่าการที่มี Overcard ก็ใช่ว่าเราจะต้องยอมแพ้เสมอ

ถ้าเหลือเป็น Heads-up และเรา Raise Pre-flop ให้ลอง C-bet ประมาณ ½ Pot ซึ่งเราควรทำแบบนี้เวลามี Overcard บนบอร์ดแค่ใบเดียวมากกว่าจะเป็น 2-3 ใบ การเล่นแบบนี้จะทำให้เราได้ Pot นั้นไปบ่อยๆ เพราะส่วนใหญ่อีกฝ่ายจะไม่ติดคู่หรือ Draw ดีๆหรอก

อย่างไรก็ตาม ถ้ามีคู่ต่อสู้ 2 คนขึ้นไปและมี Overcard บนบอร์ด ก็แนะนำให้เรา Check-Fold ถ้าเจอราคาแพงๆมา เพราะการป้องกันด้วยไพ่ที่ต่ำกว่า Top Pair ไปจนถึง Showdown จะทำให้เราเสียเงินเยอะมากในเกม NLH

การเล่น JJ ใน Tournament

ในทัวร์นาเมนต์ JJ จะแข็งแกร่งกว่าและสามารถใช้เสี่ยงได้มากกว่า Cash Game

หลักๆก็เพราะผู้เล่นในทัวร์นาเมนต์โดยทั่วไปมักจะเล่น Loose และใน Cash Game ระดับสูงๆ ผู้เล่นเก่งๆก็มักจะไม่ Call หรือ Re-raise All-in ด้วยไพ่ที่ต่ำกว่า QQ

ซึ่งจะต่างกับทัวร์นาเมนต์ที่ผู้เล่นสามารถ All-in ได้ตั้งแต่ Pocket Pair เล็กๆ และอาจจะมีไพ่อย่าง QJ หรือ JT เข้ามาด้วยในตอนท้ายๆของทัวร์นาเมนต์ที่ Blind เพิ่มขึ้น นั่นทำให้ JJ เป็นไพ่ที่สามารถ All-in ได้ดีและมีค่ามากขึ้นกว่าใน Cash Game

แต่ก็อย่าไปยึดติดกับมันเกินไป ให้คิดซะว่าพอทใหญ่ต้องคู่กับไพ่ใหญ่เสมอ เว้นแต่เราจะติด Set หรือใหญ่กว่านั้น หลายครั้งเหมือนกันที่เจอ JJ หรือ QQ ที่ยอมหมดตัวไปบนบอร์ด 7-high แล้วไปเจอกับ AA หรือ KK

กล้า Bet หนักๆตรง Flop ถ้าเล่น Heads-up และพร้อมที่จะยอมทิ้งถ้าเจอ Overcard ใน Multi-way Pot และกล้าเล่นมากขึ้นเวลาตำแหน่งดีกว่า

 

ที่มา

แสดงความเห็น