กติกาไพ่โปกเกอร์ เท็กซัส โฮลเอ็ม คู่มือเบื้องต้นสำหรับผู้เริ่มต้น และวิธีเล่น Poker ยังไงให้เซียน

Poker Rules - กฎกติกาในการเล่นไพ่เท็กซัสโฮลด์เอ็ม
Poker Rules – กฎกติกาและวิธีเล่นไพ่เท็กซัสโฮลด์เอ็ม

กฎกติกาในการเล่นไพ่โป๊กเกอร์ เท็กซัส โฮลเอ็ม

การลงเงินเดิมพันใน Poker

โดยทั่วไป กฎกติกาและวิธีเล่นไพ่โป๊กเกอร์ เท็กซัส โฮลเอ็ม จะเริ่มเล่นโดยการให้ผู้เล่นจำนวน 2 คนลงเงิน สมอลบลายด์ และ บิ๊กบลายด์ หรืออาจมีการใช้ Antes (เงินที่ผู้เล่นทุกคนต้องลงเพื่อร่วมเล่น) เพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินบลายด์ด้วย ซึ่งมักจะถูกใช้บ่อยๆ ในช่วงท้ายของการเล่นแบบทัวร์นาเมนต์

ทีนี้ในเรื่องของตำแหน่งปุ่มดีลเลอร์ (BTN) ปุ่มนี้จะใช้แทนผู้เล่นที่นั่งในตำแหน่งคนแจกไพ่ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้เปรียบที่สุดในเกม โดยปุ่มดีลเลอร์จะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ตามเข็มนาฬิกาหลังจากจบการเล่นในแต่ละมือ ซึ่งจะช่วยให้มีการเปลี่ยนตำแหน่งของผู้เล่นทั้งในตำแหน่งปุ่มดีลเลอร์ และตำแหน่งบลายด์ทั้งสอง

คราวนี้เกมจะเริ่มก็ต่อเมื่อผู้เล่นที่อยู่ทางซ้ายถัดจากตำแหน่งปุ่มดีลเลอร์วางเงินพนันที่เรียกว่า สมอลบลายด์ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีราคาน้อยกว่าราคาบิ๊กบลายด์ครึ่งหนึ่ง หลังจากนั้นผู้เล่นที่นั่งทางซ้ายถัดจากสมอลบลายด์จะต้องวางเงิน บิ๊กบลายด์  ซึ่งมักจะมีราคาเท่ากับราคาเกขั้นต่ำ ส่วนในการเล่นแบบทัวร์นาเมนต์นั้น ราคาบลายด์และ Antes จะค่อยๆเพิ่มขึ้นตามช่วงเวลาที่กำหนด และทุกครั้งที่เริ่มรอบการเล่นใหม่ผู้เล่นในตำแหน่งสมอลบลายด์จะเป็นผู้เล่นคนแรกที่ได้ตัดสินใจทุกครั้ง

ในกรณีที่เหลือผู้เล่นเพียง 2 คน จะใช้กฎพิเศษในการเล่นแบบตัวต่อตัว หรือ Heads up ซึ่งจะมีการวางเงินบลายด์แตกต่างจากการเล่นปกติ โดยผู้เล่นในตำแหน่งปุ่มดีลเลอร์จะเป็นคนวางเงินสมอลบลายด์ ส่วนคู่ต่อสู้จะเป็นฝ่ายวางเงินบิ๊กบลายด์ ในการเล่นช่วงก่อนฟลอบออกมา (Pre-flop) ผู้เล่นในตำแหน่งดีลเลอร์จะได้เริ่มตัดสินใจก่อน หลังจากฟลอบออกมาแล้ว (Post-flop) ผู้เล่นในตำแหน่งดีลเลอร์จะกลายเป็นฝ่ายได้ตัดสินใจทีหลังจนจบมือนั้น

ไพ่เท็กซัส pocker มีอยู่ 3 แบบหลักๆ คือ ไพ่โฮลด์เอ็มแบบจำกัดราคาเก (Limit hold ‘em), ไพ่โฮลด์เอ็มแบบไม่จำกัดราคาเก (No-limit hold ‘em) และ ไพ่โฮลด์เอ็มแบบเกได้ไม่เกินขนาดพอท (Pot-limit hold ‘em) ไพ่โฮลด์เอ็มแบบจำกัดราคาเกนั้นเป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุดในทุกยุคทุกสมัยที่พบเห็นกันได้ทั่วไปในบ่อนคาสิโนในสหรัฐอเมริกา ในไพ่โฮลด์เอ็มแบบจำกัดราคาเกนั้น การลงเงินหรือการเกทับในช่วง 2 รอบการเล่นแรก (Pre-flop และ Flop) จะต้องมีราคาเท่ากับราคาบิ๊กบลายด์ ซึ่งจะเรียกว่า สมอลเบ็ท ส่วนใน 2 รอบการเล่นหลัง (Turn และ River) การลงเงินหรือเกทับจะต้องมีราคาเท่ากับ 2 เท่าของราคาบิ๊กบลายด์ ซึ่งจะเรียกว่า บิ๊กเบ็ท

ทางด้านไพ่โฮลด์เอ็มแบบไม่จำกัดราคาเกนั้นมีจำนวนผู้เล่นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นรูปแบบที่เห็นได้ทั่วไปในการแข่ง Poker แบบทัวร์นาเมนต์ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ นอกจากนั้นรูปแบบการเล่นนี้ยังถูกใช้ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ขนาดใหญ่อย่าง เวิร์ลด์ซีรีส์ออฟโป้กเกอ (World Series of Poker)

ในการเล่นไพ่โฮลด์เอ็มแบบไม่จำกัดราคาเกนั้น ผู้เล่นสามารถลงเงินหรือเกทับที่ราคาเท่าใดก็ได้ โดยจะได้มากที่สุดตามชิพที่มีอยู่ของตน (หรือเรียกว่า All-in) แต่จะไม่น้อยกว่าขนาดการลงเงินขั้นต่ำ (Minimum Bet) ที่กำหนด ส่วนการลงเงินขั้นต่ำนั้นจะต้องเท่ากับราคาที่เกทับมาก่อนหน้า ในกรณีที่เราอยากจะเกทับอีกฝ่าย จะต้องเกทับในราคาอย่างน้อยเท่ากับที่เกมาก่อนหน้านี้ ตัวอย่างเช่น ถ้าบิ๊กบลายด์ราคา 2$ และมีผู้เล่นเกทับมา 6$ รวมเป็น 8$ หากเราจะเกทับกลับเราต้องเกเพิ่มอย่างน้อยเท่ากับราคาที่เกมาก่อนหน้าซึ่งก็คือ 6$ และรวมทั้งหมดจะเท่ากับ 14$

แต่หากในกรณีที่การเกทับนั้นเป็นการเทหมดหน้าตัก (All-in) แต่ราคาไม่เท่ากับที่เกมาก่อนหน้า(หรือครึ่งหนึ่งในบางคาสิโน) ผู้เล่นที่เป็นคนเกทับคนแรกจะไม่สามารถเกทับกลับได้อีก(เผื่อว่ายังมีผู้เล่นคนอื่นๆ เล่นในมือนั้นอยู่) ส่วนในไพ่โฮลด์เอ็มแบบเกได้ไม่เกินขนาดพอทนั้น ราคาที่สามารถเกได้สูงที่สุดจะเท่ากับราคาเงินกองกลาง ณ ขณะนั้น(รวมถึงจำนวนที่จะต้องจ่ายเพิ่ม)

ในบางคาสิโนที่ให้บริการเกมไพ่เท็กซัสโฮลด์เอ็มยังอนุญาตให้ผู้เล่นที่นั่งทางซ้ายถัดจากตำแหน่งบิ๊กบลายด์ (ตำแหน่ง UTG) สามารถเลือกได้ว่าจะวางเงินพิเศษที่เรียกว่า สแตรดเดิล (Straddle) หรือไม่ โดยทั่วไปราคาสแตรดเดิลจะเท่ากับ 2 เท่าของราคาบิ๊กบลายด์ ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้ผู้เล่นคนนั้นสวมรอยเป็นตำแหน่งบิ๊กบลายด์แทนและมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะเกทับหรือไม่เมื่อมาถึงตาของเขาอีกครั้ง (ในบางรูปแบบเกมอนุญาตให้สแตรดเดิลในตำแหน่งปุ่มดีลเลอร์ได้อีกด้วย) ในไพ่โฮลด์เอ็มแบบไม่จำกัดราคาเกบางที่ยังอนุญาตให้มีการสแตรดเดิลสวนกลับไปมาได้หลายครั้งอีกด้วย แต่ราคาที่ใช้จะต้องถูกต้องตามกฎการลงเงิน

วิธีเล่นไพ่เพื่อเดิมพันใน Poker เล่นยังไง

หลังจากดีลเลอร์สับไพ่เสร็จก็จะทำการแจกไพ่แบบคว่ำหน้าให้ผู้เล่นแต่ละคน คนละ 2 ใบ โดยผู้เล่นในตำแหน่งสมอลบลายด์จะได้รับไพ่ใบแรก และผู้เล่นในตำแหน่งปุ่มดีลเลอร์จะได้รับไพ่ใบสุดท้าย (วิธีเล่นไพ่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะใช้สำรับไพ่มาตรฐาน 52 ใบที่ไม่มีไพ่โจ๊กเกอร์) ไพ่ 2 ใบนี้คือไพ่ส่วนตัวของแต่ละคนที่จะใช้เล่น และไม่ควรจะเปิดเผยให้ใครเห็นจนกว่าจะถึงตอนโชว์ไพ่เพื่อตัดสินความแข็งแกร่งของไพ่แต่ละคน ซึ่งนี่ทำให้ไพ่เท็กซัสโฮลด์เอ็มเป็นเกมโป๊กเกอที่มีจุดสิ้นสุด

แต่ละมือจะเริ่มด้วยช่วงการเล่นแรก หรือ “พรี-ฟลอบ” ซึ่งผู้เล่นที่จะได้ตัดสินใจเล่นคนแรกคือผู้เล่นที่นั่งอยู่ทางซ้ายถัดจากตำแหน่งบิ๊กบลายด์ (หรือผู้เล่นที่นั่งทางซ้ายถัดจากคนแจกไพ่ในกรณีที่ไม่มีการใช้เงินบลายด์) และจะหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ตามเข็มนาฬิกา รอบการเล่นจะดำเนินต่อไปจนกว่าผู้เล่นทุกคนจะหมอบไพ่ของตัวเอง, เทหมดหน้าตัก, หรือผู้เล่นทุกคนที่ยังเล่นมือนั้นอยู่ต่างเห็นชอบที่ราคาเดิมพันนี้และไม่มีการเกทับเกิดขึ้นแล้ว และอย่าลืมว่าเงินบลายด์ที่ผู้เล่น 2 คนโดนบังคับลงไว้ตอนช่วง พรี-ฟลอบ จะถูกนับเป็นเงินเดิมพันแล้ว ซึ่งนี่หมายความว่าผู้เล่นในตำแหน่งบลายด์ทั้งสองต่างก็เป็นผู้ร่วมลงเงินเดิมพันตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นไพ่ของตัวเองซะด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นถ้าผู้เล่นทุกคนพร้อมใจกันเล่นมือนี้ที่ราคาบลายด์และไม่มีการเกทับกันเกิดขึ้น ผู้เล่นในตำแหน่งบิ๊กบลายด์ก็สามารถเลือกที่จะดูฟลอบได้ฟรีๆ หรือเลือกที่จะเกทับก็ได้เช่นกัน

สมมติว่าจบการเล่นช่วงพรีฟลอบและเหลือผู้เล่นที่จะเล่นกันต่ออย่างน้อย 2 คน คนแจกไพ่ก็จะเปิดไพ่กองกลางออกมา 3 ใบ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ ฟลอบ ซึ่งในฟลอบนี้จะหมายถึงการเล่นรอบที่สองและคนที่จะได้ตัดสินใจคนแรกก็คือผู้เล่นที่นั่งทางซ้ายถัดจากคนแจกไพ่และหมุนเวียนไปตามเข็มนาฬิกา

หลังจากจบการเล่นช่วงฟลอบ รอบการเล่นที่สามก็จะเริ่มขึ้นโดยไพ่กองกลางก็จะถูกเปิดออกมาอีก 1 ใบ (เรียกว่า เทิร์น หรือ สตรีทที่ 4) หลังจากจบรอบที่สามก็จะตามมาด้วยไพ่อีก 1 ใบสุดท้าย (เรียกว่า ริเวอร์ หรือ สตรีทที่ 5) และเป็นรอบการเล่นสุดท้าย ซึ่งหากจำเป็นจะต้องวัดว่าไพ่ของใครแข็งแกร่งกว่าก็จะมีการโชว์ไพ่เกิดขึ้น (Showdown) ในช่วงรอบที่สามและสี่ของการเล่น เงินเดิมพันจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า

ในคาสิโนทุกๆ แห่ง คนแจกไพ่จะทำการ เบิร์น (การแจกไพ่ทิ้งไปเปล่าๆ  1 ใบ) ในช่วงก่อนเปิดไพ่ฟลอบ, เทิร์น, และริเวอร์ ที่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ร่วมเล่นเห็นหลังไพ่ใบต่อไป เพราะผู้เล่นอาจจะเดาไพ่ได้จากหลังไพ่ใบนั้นที่มีตำหนิหรือกลโกงต่างๆ ซ่อนอยู่

การเปิดไพ่เพื่อวัดความแข็งแกร่ง

ในกรณีที่ผู้เล่นคนหนึ่งเกทับไปแล้วผู้เล่นคนอื่นหมอบทุกคน ผู้เล่นที่เกทับก็จะได้รับเงินพอทนั้นไปโดยไม่จำเป็นต้องโชว์ไพ่ในมือของตัวเอง แต่ถ้ามีผู้เล่นยังเหลืออยู่มากกว่าหรือเท่ากับ 2 คนหลังจากจบรอบการเล่นสุดท้าย (River) ผู้เล่นที่เหลือก็จำเป็นต้องเปิดไพ่ของตนเองเพื่อวัดความแข็งแกร่ง โดยความแข็งแกร่งของไพ่จะวัดรวมจากไพ่ 2 ใบบนมือ และ 5 ใบจากไพ่กองกลางเพื่อหาไพ่ 5 ใบสุดท้ายที่มีระดับสูงที่สุดให้ผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งผู้เล่นอาจจำเป็นต้องใช้ไพ่ทั้ง 2 ใบบนมือช่วยเพื่อให้ได้ระดับสูงที่สุด หรืออาจจะใช้แค่ 1 ใบ หรือบางทีก็ไม่ใช้สักใบบนมือเลย

ในกรณีที่ผู้เล่นได้มือที่ดีที่สุดจากไพ่กองกลางล้วนๆ 5 ใบ ผู้เล่นก็จะมีโอกาสอย่างมากสุดได้แค่แบ่งเงินพอทนั้นจากคนอื่นๆ เพราะผู้เล่นคนอื่นก็สามารถใช้ไพ่กองกลางเพื่อสร้างมือแบบเดียวกับเราได้เช่นกัน ซึ่งในกรณีที่ผู้เล่นมากกว่า 1 คน มีมือที่ดีที่สุดอยู่ ทุกคนที่มีมือนั้นก็จะได้รับเงินแบ่งจากพอทเท่าๆ กัน (Split pot) โดยหากมีเงินส่วนเกินก็จะส่งไปให้ผู้เล่นคนแรกถัดจากตำแหน่งปุ่มดีลเลอร์ก่อนและหมุนเวียนไปตามเข็มนาฬิกา เป็นเรื่องปกติมากสำหรับผู้เล่นทุกคนที่จะประเมินค่ามือของตัวเองได้ใกล้เคียงแล้วแต่มือที่ได้มีระดับไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตามผู้เล่นทุกคนต้องระมัดระวังอย่างมากในการหามือที่ดีที่สุด เพราะหากมือนั้นๆ ใช้ไพ่น้อยกว่า 5 ใบ (เช่น 2 คู่ หรือ ตอง) จะมีการนำ คิกเกอร์ เข้ามาใช้เพื่อตัดสินผลแพ้ชนะ (สามารถดูได้ตามตัวอย่างด้านล่าง) ซึ่งตรงนี้ทำให้ลำดับตัวเลขของไพ่มีความสำคัญอย่างมาก และในไพ่เท็กซัสโฮลด์เอ็มจะไม่วัดระดับสูงต่ำของคิกเกอร์จากไพ่สีหรือดอกเดียวกัน (Suit Values)

ตารางไพ่ Poker: ระดับความแข็งแกร่งของไพ่ (การเรียงลำดับไพ่และการนับแต้มใน Poker)

ตารางไพ่ Poker ต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นถึงการเรียงลำดับไพ่โป๊กเกอร์ ทั้งหมด โดยจะเรียงจากแต้มต่ำที่สุดไปสูงที่สุด

ชื่อระดับ คำอธิบาย ตัวอย่าง
ไพ่สูง (Highcard) ระดับไพ่พื้นฐานโดยอิงจากหน้าไพ่ ต่ำสุด: 2 – สูงสุด: Ace

1 คู่

(Pair)

ไพ่สองใบที่มีระดับเท่ากัน (จากตัวอย่างคือ 1 คู่ KK)

2 คู่

(Two pairs)

ไพ่สองใบที่มีระดับเท่ากันจำนวน 2 คู่ (จากตัวอย่างคือ 2 คู่ KK, 77)

ตอง

(Three of a kind)

ไพ่สามใบที่มีระดับเท่ากัน (จากตัวอย่างคือ ตอง KKK)

เรียง หรือ สเตรท

(Straight)

ไพ่ที่มีอันดับติดกันเรียงต่อกัน 5 ใบ(ไพ่ A สามารถใช้ในการเรียงไว้ข้างหน้า 2 และไว้เรียงต่อหลังจาก K ได้)

ฟลัช

(Flush)

ไพ่ 5 ใบที่มีดอกเดียวกัน

ฟูลเฮาส์

(Full house)

การรวมกันของไพ่ตองและ 1 คู่

โฟร์ ออฟ อะ คายนด์

(Four of a kind)

ไพ่ 4 ใบที่มีระดับเท่ากัน

สเตรทฟลัช

(Straight flush)

ไพ่เรียง 5 ใบที่มีดอกเดียวกัน

รอยัล ฟลัช

(Royal flush)

ไพ่เรียง 5 ใบของ 10 J Q K A ที่มีดอกเดียวกัน (ถือเป็นระดับที่สูงที่สุดในไพ่เท็กซัสโฮลด์เอ็ม)

การแจกไพ่พลาด

ในกรณีที่ตอนแจกไพ่ใบที่ 1 หรือ ใบที่ 2 เกิดพลาดไพ่หงายขึ้นมาให้ทุกคนเห็น จะถือว่าเป็นการแจกไพ่พลาด คนแจกไพ่จะนำไพ่นั้นกลับและทำการสับไพ่และตัดไพ่ใหม่อีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม หากการที่ไพ่หงายขึ้นให้ทุกคนเห็นนั้นเกิดจากความผิดพลาดของตัวคนแจกไพ่เอง การแจกไพ่ก็จะดำเนินต่อไปตามปกติจนเสร็จ หลังจากนั้นคนแจกไพ่จึงค่อยนำไพ่บนสุดของสำรับที่เหลืออยู่ ไปแทนที่ไพ่ที่แจกพลาดก่อนหน้านี้และนำไพ่ที่แจกพลาดไปใช้เป็นไพ่สำหรับเบิร์นทิ้ง แต่ถ้าคนแจกไพ่แจกพลาดมากกว่า 1 ใบ จะต้องเริ่มการแจกไพ่ใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น กรณีที่ผู้เล่นได้รับไพ่มากกว่า 2 ใบโดยบังเอิญ (เช่น มีไพ่สองใบติดหนึบอยู่ด้วยกัน) ก็จะถือเป็นการแจกไพ่พลาดเช่นกัน

ตัวอย่างการโชว์ไพ่

ตัวอย่างการโชว์ไพ่เพื่อวัดความแข็งแกร่ง

ไพ่กองกลาง(Board)

บ็อบ

แคโรล

เท็ด

อลิซ

ผู้เล่นแต่ละคนจะต้องเล่นให้ได้ไพ่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้จำนวน 5 ใบ โดยคัดจากไพ่ทั้งหมด 7 ใบ (2 ใบบนมือของแต่ละคนและอีก 5 ใบบนไพ่กองกลาง) ซึ่งในที่นี้ทั้ง 4 คนก็จะมีไพ่ที่ดีที่สุดแตกต่างกันดังต่อไปนี้

บ็อบ ตอง 4 โดยมี Aกับ K เป็นคิกเกอร์

 

(Three fours, with king, ace kickers)

แคโรล ฟลัชโดยมีคิกเกอร์เป็น A

 

(A-High Flush)

เท็ด ฟูลเฮาส์ K4

 

(Kings full of fours)

อลิซ ไพ่เรียงสุดที่ 8

 

(8-high straight)

ในสถานการณ์นี้ ไพ่ฟูลเฮาส์ของเท็ดถือเป็นมือที่ดีที่สุดในเกมนี้และได้เงินกองกลางทั้งหมดไป รองลงมาคือฟลัชของแคโรล ส่วนอันดับสามคือไพ่เรียงของอลิซ และอันดับสุดท้ายคือไพ่ตองของบ็อบ

ตัวอย่างการเล่น

ตัวอย่างเกมที่มีผู้เล่นจำนวน 4 คน และเพื่อให้เข้าใจการเล่นได้ง่ายขึ้นจึงจะไม่เปิดเผยไพ่ของแต่ละคนให้ทราบจนกว่าจะถึงตอนโชว์ไพ่

ลงเงินเดิมพันตามกฎ : อลิซนั่งในตำแหน่งคนแจกไพ่ บ็อบผู้นั่งทางซ้ายของอลิซทำการวางเงินสมอลบลายด์จำนวน $1 และแคโรลวางเงินบิ๊กบลายด์จำนวน $2

 

‘การวางเงินบลายด์ตามมือตัวอย่าง’

พรี-ฟลอบ: อลิซแจกไพ่แบบคว่ำหน้าจำนวน 2 ใบให้กับผู้เล่นแต่ละคน โดยเริ่มแจกที่บ็อบและจบที่แจกให้ตัวเอง จากนั้นเท็ดจะได้เป็นคนแรกที่เริ่มตัดสินใจเพราะเป็นผู้เล่นคนแรกที่นั่งถัดจากบิ๊กบลายด์ ในที่นี้เท็ดเลือกหมอบไพ่ของตัวเอง เนื่องจากเท็ดจะเลือกเช็ค (Check) เพื่อดูไพ่กองกลางฟรีๆ ไม่ได้ เพราะเงินบิ๊กบลายด์จำนวน $2 ถือว่าเป็นเงินเดิมพันเช่นกัน จากนั้นอลิซเลือกที่จะสู้ตาม (Call) ที่ราคาบลายด์ $2 และบ็อบในตำแหน่งสมอลบลายด์อยากดูไพ่กองกลางจึงจ่ายเพิ่มอีก 1$ เพื่อให้เท่ากับราคาบลายด์ $2 และตอนนี้เงินบลายด์ของแคโรลนับว่าเป็นเงินเดิมพันแล้ว เพราะฉะนั้นแคโรลสามารถเลือกได้เลยว่าจะเกทับ(Raise)หรือไม่ แต่แคโรลเลือกที่จะเช็คแทน ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการจบรอบการเล่นแรก โดยเงินกองกลางตอนนี้(Pot)มียอดรวม $6 ซึ่งมาจากเงิน $2 จาก 3 คน

ฟลอบ: อลิซเบิร์นไพ่ทิ้งจำนวน 1 ใบ และเปิดไพ่กองกลางแบบหงายหน้าจำนวน 3 ใบ (Flop) ประกอบไปด้วย 9♣ K♣ 3 ในรอบการเล่นนี้ก็จะเหมือนกับรอบอื่นทั่วๆ ไป คือเริ่มเล่นจากผู้เล่นที่นั่งทางซ้ายถัดจากตำแหน่งคนแจกไพ่ซึ่งในที่นี้คือบ็อบ และบ็อบเลือกที่จะเช็คเพื่อดูไพ่ฟรีๆ ตามมาด้วยแคโรลที่เลือกเปิดด้วยการลงเงินเดิมพัน $2 แต่อลิซไม่ยอมจึงเกทับเพิ่มจากราคาของแคโรลอีก $2 (ในที่นี้อลิซจะต้องลงเงิน $4 ซึ่งมาจากลงเงิน $2 เพื่อให้เท่ากับแคโรล และเงินเกทับเพิ่มอีก $2) ซึ่งทำให้ราคาเดิมพันตอนนี้มาตกอยู่ที่บ็อบจำนวน $4 แต่บ็อบบอกว่าเงินแค่นี้เองขอสู้ตามละกัน (ในที่นี้บ็อบต้องลงเงิน $4 ซึ่งมาจากลงเงิน $2 เพื่อให้เท่ากับแคโรล และลงอีก 2$ เพื่อให้เท่าราคาเกทับของอลิซ) แคโรลที่ลงเงินไว้ก่อนหน้านี้ก็ไม่ยอมเลือกที่จะสู้ตามโดยจ่ายเพิ่มอีก $2 ทำให้ตอนนี้เงินกองกลางรวมสุทธิที่ $18 โดย $6 มาจากรอบการเล่นที่แล้ว และอีก $12 มาจากทั้ง 3 คนในรอบการเล่นนี้

เทิร์น: อลิซเบิร์นไพ่ทิ้งอีก 1 ใบ และเปิดไพ่ใบที่ 4 (Turn) จำนวน 1 ใบและไพ่ที่ได้คือ 5♠ บ็อบเห็นไพ่มาอย่างนี้ก็เลือกเช็ค แคโรลก็เช็คและอลิซก็เช็คตามๆกันไป ในรอบนี้ผู้เล่นทุกคนเลือกเช็คจึงทำให้เงินกองกลางสุทธิยังเท่าเดิมที่ $18

ริเวอร์: อลิซทำการเบิร์นไพ่ทิ้งอีก 1 ใบ และเปิดไพ่ใบสุดท้าย (River) ซึ่งออกมาเป็น 9 ทำให้ไพ่กองกลางสิ้นสุดที่ 9♣ K♣ 3 5♠ 9♦ บ็อบเหมือนจะมีของดีลงเงินเดิมพันไป $4 แคโรลไม่รอช้าสู้ตามทันทีที่ราคา $4 และอลิซเลือกที่จะไม่สู้ต่อและหมอบไพ่ของตัวเองไป (ในที่นี้อลิซถือไพ่ A♣ 7♣ และกำลังลุ้นให้ตัวเองได้ไพ่ดอกจิกอีก 1 ใบที่ริเวอร์ เพื่อให้ตัวเองเข้า Flush)

โชว์ไพ่เพื่อวัดความแข็งแกร่ง: บ็อบโชว์ไพ่ตัวเองคือ Q♠ 9 เพราะฉะนั้นมือที่ดีที่สุดของบ็อบที่เป็นไปได้ในที่นี้คือ 9♣ 9♦ 9 K♣ Q♠ หรือก็คือ ตอง 9 โดยมี Kกับ Q เป็นคิกเกอร์ แคโรลโชว์ไพ่ตัวเองบ้าง K♠ J เพราะฉะนั้นมือที่ดีที่สุดของแคโรลที่เป็นไปได้ในที่นี้คือ K♣ K♠ 9♣ 9♦ J หรือก็คือ 2 คู่ KK 99 และมี J เป็นคิกเกอร์ และแน่นอนว่า ตอง ชนะ 2 คู่ ทำให้บ็อบชนะการโชว์ไพ่ครั้งนี้และได้รับเงินกองกลาง (Pot) ไปทั้งหมด $26

คิกเกอร์และการเสมอ

เนื่องจากในไพ่เท็กซัสโฮลด์เอ็มมีการใช้ไพ่กองกลาง จึงทำให้ผู้เล่นได้มือที่มีระดับใกล้เคียงกันอยู่บ่อยๆเลยทำให้มีการใช้คิกเกอร์เข้ามาช่วยวัดเพื่อหาผู้ชนะหรือทำให้มือของผู้เล่นสองคนเสมอกัน(หรืออาจจะมากกว่า) คิกเกอร์ก็คือไพ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของไพ่ 5 ใบที่ใช้สร้างมือที่ดีที่สุดแต่ไม่ได้ช่วยในการเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของมือนั้น ตัวอย่างเช่น ในมือ AAAKQ ในที่นี้ K และ Q จะทำหน้าที่เป็นคิกเกอร์

สถานการณ์ตัวอย่างต่อไปนี้จะช่วยให้เห็นภาพว่าคิกเกอร์มีความสำคัญอย่างไรในการวัดผลแพ้ชนะ โดยมือของผู้เล่นที่แสดงให้เห็นนี้จะอยู่ในช่วงหลังจากไพ่เทิร์นออกมา

ไพ่กองกลาง (หลังจากไพ่เทิร์นออก)

บ็อบ

แคโรล

ณ ตอนนี้บ็อบยังถือไพ่นำอยู่ซึ่งก็คือ Q♠ Q♣ 8♠ 8 K หรือก็คือ 2 คู่ QQ 88 โดยมี K เป็นคิกเกอร์ ซึ่งชนะไพ่ของแคโรลที่ถือ Q Q♣ 8♠ 8 10♦ โดยมี 10 เป็นคิกเกอร์

ถ้าสมมติไพ่ใบสุดท้าย (River) ออกมาเป็น A♠ และทำให้ไพ่กองกลางสิ้นสุดที่ 8♠ Q♣ 8 4♣ A♠ บ็อบกับแคโรลจะยังคงมีมือเหมือนเดิมคือ 2 คู่ (QQ กับ 88) แต่เนื่องจากการหามือที่ดีที่สุดจะคัดไพ่ที่ดีที่สุด 5 ใบ จาก 7 ใบ ทำให้ผู้เล่นทั้งสองคนจะต้องนำไพ่ A ที่เพิ่งมาใหม่มาใช้เป็นไพ่ใบที่ 5 แทน ซึ่งจะทำให้มือของผู้เล่นทั้งสองเหมือนกันคือ 2 คู่ QQ 88 และมี A เป็นคิกเกอร์ ซึ่งในที่นี้คิกเกอร์ K ของบ็อบจะไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปเพราะไพ่ A ที่ออกมาใหม่สูงกว่า K จึงไปทำหน้าที่คิกเกอร์แทนและยังไปช่วยเป็นคิกเกอร์แทน 10 ของแคโรลด้วย จึงทำให้มือของทั้งสองคนเสอมกันและแบ่งเงินกองกลางกันไปคนละครึ่ง แต่ถ้าหากว่าไพ่ที่ออกมาใบสุดท้ายเป็น J หรือต่ำกว่า(ยกเว้น 8 หรือ Q เพราะจะทำให้เป็นฟูลเฮาส์ หรือ 10 ซึ่งจะช่วยให้แคโรลมีคู่ที่สองใหญ่กว่าซึ่งก็คือ 1010) จะทำให้คิกเกอร์ K ของบ็อบยังสามารถใช้ได้และทำให้เป็นผู้ชนะมือนี้และได้เงินกองกลางทั้งหมดไป

อยากศึกษา POKER แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง
อยากหาเพื่อนเล่นด้วย อยากรีวิวแฮนด์
เข้ามาพูดคุยกันได้ที่ดิสคอร์ดของ Thai Poker Beast
.
สนใจอยากศึกษาแบบเจาะลึก
คอร์ส Beast Training Program
สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง Discord
หรือคลิกที่ลิ้งค์นี้ เพื่อสมัครได้เลย https://bit.ly/3nwPGC2
.
อยากเริ่มเล่นที่ IDN
สมัครที่ลิ้งค์นี้ได้เลย https://bit.ly/3ptAnsO
.
อยากเริ่มเล่นที่ PPPOKER, GGPoker, UPoker และอื่นๆ
สนใจแอดไลน์: @tpbonline (มี @)
 

ที่มา: https://en.m.wikipedia.org/wiki/Texas_hold_%27em

แสดงความเห็น