BOARD TEXTURE คืออะไร
BOARD TEXTURE คือ ลักษณะของไพ่ที่ออกมาบนบอร์ดที่ออกมาเป็นอย่างไร
เช่น flop นี้ลุ้น Flush ลุ้น Straight ได้ หรือว่าไม่มี Draw อะไรให้เล่นต่อเลย
.
BOARD TEXTURE สำคัญไหม???
เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจจะมองข้าม
เพราะทุกครั้งที่เราเล่นใช่ว่าเราจะเจอบอร์ดแบบเดิมทุกครั้ง
และ BOARD TEXTURE จะเป็นสิ่งที่บอกเราว่าใครมี Range Advantage
และ Nut Advantage ซึ่งจะมีผลต่อการเล่นใน Street ถัดไปของเราด้วย
.
BOARD TEXTURE แบ่งออกเป็น 7 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
.
- RAINBOW DISCONNECTED BOARDS
บอร์ดสามสีที่ไม่เชื่อมต่อกันเลย ไม่มีทั้ง Flushdraw และ Straightdraw ยกตัวอย่างเช่น
- K♦7♥ 3♠
- A♠ 9♣ 4♦
ทั้งสองบอร์ดนี้มี Draw น้อยมากๆ คนที่ Defend ตรงนี้จะมีแฮนด์ที่คอลได้น้อย
ทำให้เราสามารถ Aggressive บนบอร์ดนี้ได้เยอะขึ้น (มักจะทำในบอร์ด A K high มากกว่า 9 8 high)
Tips
เมื่อเราเป็นฝ่าย Open และ In Position เมื่อเจอบอร์ดแบบนี้
เราสามารถ C-bet เล็ก ด้วยทุกอย่างใน Range ของเรา เช่น K♦ 7♥ 3♠
เราถือ 99, 54, A7, QT เราก็เบทเล็ก (1/3pot) ที่ Spot นี้ได้หมดเลย
.
- PAIRED BOARD
บอร์ดที่มีคู่อยู่บนบอร์ด อาจมี 2 สีหรือ 3 สีก็ได้ เช่น
- J♠ J♣ 5♥
- 9♣ 9♥ 7♣
บอร์ดแบบนี้จะคล้ายกับ RAINBOW DISCONNECTED BOARDS ตรงที่คู่ต่อสู้
มีแฮนด์ที่จะตามเราได้น้อย (อาจมี Flushdraw เพิ่มขึ้นมาเยอะขี้น)
ทำให้เราสามารถ C-bet เล็ก ตรงนี้ได้เยอะเช่นกัน
.
- RAINBOW CONNECTED BOARDS
บอร์ดนี้ยังเป็นบอร์ดที่มีสามสีเหมือนเดิม เพียงแต่จะเริ่มเชื่อมต่อกันมากขึ้น
มี Straightdraw เพิ่มเข้ามา ทำให้เรา C-bet ได้น้อยลง และจะเริ่มเบทด้วยไซซ์ที่ใหญ่ขึ้น
โดยที่คนที่ Defend ในบอร์ดนี้ยังคอลด้วย Marginal แฮนด์พอๆกันกับ Rainbow Disconnected เช่น
- T♠ 8♣ 7♥
- 7♣ 5♥ 4♠
Tips
ถ้าเราเป็นคน Aggressor (Open Preflop) เราต้องระวังตัวมากขึ้นถ้าคู่ต่อสู้คอล C-bet ที่ Flop ของเราและ Turn ออกมา Complete Straight ทำให้ Spot แบบนี้เราต้องเล่นเป็น Polarize Range
ถ้าเราเป็นคน Defend ที่ Big Blind (Call Preflop) บอร์ดแบบนี้เราจะ Check-Raise ได้มากขึ้น
โดยจะเน้นไปที่ Combo Straightdraw หรือเพิ่ม Backdoor Straight + Backdoor Flush เข้าไปเพิ่มด้วย
.
- TWO-TONE DISCONNECTED BOARDS
บอร์ดที่มี 2 สี และไม่เชื่อมต่อกันเลย มี Flushdraw แต่ไม่มี Straightdraw เช่น
- K♣ 8♣ 3♦
- Q♥ 7♥ 3♣
บอร์ดนี้จะเล่นคล้ายกันกับบอร์ด Rainbow Disconnected
คือ Bet เล็กบ่อยๆได้เลย
.
- TWO-TONE CONNECTED BOARDS
บอร์ดที่มี 2 สี และเชื่อมต่อกัน มีทั้ง Flushdraw และ Straightdraw เช่น
- J♠ 8♠ 6♥
- T♦ 7♦ 5♣
ในบอร์ดแบบนี้เราจะต้องเล่นเป็น Polarize Range เพราะว่า Equity ของทั้งสองคนเข้าใกล้กันมากขึ้น
บอร์ดนี้มี Draw เยอะมากๆ เราจึงต้องเบทใหญ่ให้คู่ต่อสู้ได้ Pot Odds ที่ไม่ดี
ในกรณีที่เราเป็นฝ่าย Defend บนบอร์ดนี้ เราไม่ควรจะ Defend ด้วยแฮนด์ที่แย่เกินไป
เพราะคนส่วนใหญ่บลัฟน้อยกว่า Solver ทำให้เราควรจะต้องเล่นให้ Tight ขึ้น
Tips
Check-Raise ด้วย Strong draws อย่าง Open-Ended Straight draws (OESD)
และ Gutshot ที่มี Backdoor Flushdraw
Value Bet ของเราต้องดีมากๆ และไม่ควรต่ำกว่า Top pair Kicker กลางๆ
เล่นให้ Tight ขึ้นเมื่อโดน Raise เพราะคนส่วนใหญ่บลัฟที่ Spot นี้น้อยกว่าที่ควร
.
- MONOTONE BOARDS
บอร์ดที่มีสีเดียว เช่น
- A♥ T♥ 4♥
- J♠ 6♠ 4♠
บอร์ดนี้เราจะเล่นแบบ Polarize Range เพราะบอร์ดเปลี่ยนได้ง่ายมาก
ที่เทิร์นอาจจะเป็นได้ทั้ง Flush และ Straight ทำให้เราต้อง Check บนบอร์ดนี้มากขึ้น
Tips
Value Bet ด้วยแฮนด์ที่ดีมากๆ อย่าง Set และ Flush
Check ด้วยแฮนด์กลางๆทั้งหมด
อย่าบลัฟด้วยแฮนด์ที่ไม่มี Draw เลย เช่น K♠ 9♠ บนบอร์ด A♥ T♥ 4♥
.
- TRIP BOARD
บอร์ดที่มีไพ่ใบเดียวสามใบ หรือตองนั่นเอง เช่น
- A♥ A♠ A♣
- 4♠ 4♥ 4♦
บอร์ดนี้เราก็สามารถ C-bet เล็ก ทั้ง Range ของเราได้เช่นกัน
เพราะคู่ต่อสู้หาไพ่มาเล่นต่อตรงนี้ได้ยากมากๆ แทบจะคอลด้วย High card ทั้ง Range เลย
Tips
C-bet Range size 1/3pot
ถ้าไพ่เริ่มต่ำลงให้ Polarize มากขึ้น
.
สรุป
บอร์ดมีทั้งหมด 6 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้
- RAINBOW DISCONNECTED BOARDS
- PAIRED BOARD
- RAINBOW CONNECTED BOARDS
- TWO-TONE DISCONNECTED BOARDS
- TWO-TONE CONNECTED BOARDS
- MONOTONE BOARDS
- TRIPS BOARDS
.
บอร์ดที่เราสามารถ C-bet Range ได้ (เน้นไปที่ A K high)
– RAINBOW DISCONNECTED BOARDS
– PAIRED BOARD
– TWO-TONE DISCONNECTED BOARDS
– TRIPS BOARDS
บอร์ดที่เราต้องเล่น Polarize Range
– RAINBOW CONNECTED BOARDS
– TWO-TONE CONNECTED BOARDS
– MONOTONE BOARDS