Blind vs Blind (เมื่อเราเป็น Big blind)
การต่อสู้กันของ Small Blind กับ Big Blind เป็นจุดที่พบเจอได้บ่อยและสำคัญเป็นอย่างมาก
ซึ่งเป็นจุดที่หลายๆคนยังคงเล่นกันไม่ถูกต้อง ดังนั้นเราจะมาพูดถึงพื้นฐานในการเล่นเมื่อเราเจอ
Small Blind Raise แล้ว Big Blind Call
.
แรงจูงใจในการ Call
เมื่อเราอยู่ในตำแหน่ง Big blind แล้วเจอการ Raise จาก Small blind เราจะมีข้อได้เปรียบดังนี้
1.Pot odds คุ้ม เนื่องจากเราได้ลงไปแล้ว 1 Big blind
2.เราจะเป็นคนปิด Action
3.เราจะได้เล่นเป็นคนสุดท้าย
ด้วยปัจจัยหลัก 3 ข้อนี้ ทำให้ Big blind ต้อง Call ด้วยไพ่ที่ค่อนข้างกว้าง เพื่อป้องกันการขโมยที่มากเกินไปจาก Small blind
.
เมื่อ Small blind C-Bet
เนื่องจากทั้งคู่มี Range ค่อนข้างกว้าง ทำให้ Big blind ต้องนำทฤษฎี Minimum defense frequency (MDF)
เข้ามาช่วยในการตัดสินใจโดยทฤษฎีดังกล่าวคือการคำนวณเปอร์เซ็นต์ของ Range ไพ่
ที่จะต้อง Call เพื่อไม่ให้ Small blind ได้รับกำไรจากการ bluff ที่มากเกินไป
ซึ่งเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวนั้นขึ้นอยู่กับขนาดของการ Bet ดังตารางด้านล่าง
.
ตัวอย่าง
Online $0.50/$1, 6-Handed, Effective stacks $100
ทุกคน fold จนมาถึง small blind, SB raise $3, Hero call.
Flop ($6) : A♠ 9♦ 3♣
SB bet $2, Hero …….?
.
แน่นอนว่าไพ่ที่เราจะ call ก็จะเป็นพวก pair หรือว่า straight draws แต่เพื่อเพิ่มความถี่ในการเล่นเข้าไป
ก็ให้ call พวกที่เป็น Multiple Backdoor Draws (8♦ 5♦, 7♠ 4♠, etc.)และพวก Backdoor Flush Draws ที่มี Out
ที่จะกลายเป็น Second pair (Q♣6♣,K♦ 8♦, etc.) แต่ถ้าเป็นบอร์ดที่มีความ Connected กันมากกว่านี้
เราต้องลดการ call พวก Backdoor Draws ลง โดยให้เพิ่มพวก Draws และ Overcards มากยิ่งขึ้น
เมื่อ Small blind check ตามทฤษฎี เราควรจะ Bet ความถี่ประมาณ 30-35% ด้วย Polarized Range
เมื่อเจอผู้เล่นที่เก่ง กล่าวคือเขามีการ Balance ด้วยการ Check-Call และ Check-Raise
แต่ถ้าเจอผู้เล่นที่ไม่เก่ง ไม่ Balance หรือ Check เมื่อไม่มีไพ่ เราก็สามารถ Bet ได้บ่อยมากยิ่งขึ้น
หรือแทบจะ Range bet ได้เลย
.
ตัวอย่าง
Online $0.50/$1, 6-Handed, Effective stacks $100
ทุกคน fold จนมาถึง small blind, SB raise $3, Hero call.
Flop ($6) : A♠ 9♦ 3♣
SB checks, Hero …….?
.
การเล่นตรงจุดนี้จะขึ้นอยู่กับ Strategy ของคู่ต่อสู้เป็นหลัก โดยจะแบ่งออกไปสองข้อ ดังนี้
.
1.SB เล่นเข้าใกล้ Optimal
ฝ่ายตรงข้ามจะ Defend ด้วยไพ่ที่กว้างและ Aggressive ดังนั้นเราควรจะ Bet ด้วย Polarized Range ดังนี้
-แฮนด์ที่สามารถเอา Value ได้ 3 Street เช่น AT หรือที่ดีกว่านี้
-Straight Draw เช่น 54s, 52s, 42s
-แฮนด์ที่มี Showdown Value ต่ำแต่ต้องมี Backdoor Flush Draw เช่น T♠ 6♠, J♦ 4♦
โดยขนาดของการ Bet จะอยู่ที่ประมาณ Half-Pot และ Pot
.
2.SB ไม่เข้าใกล้ Optimal
คู่ต่อสู้ประเภทนี้จะ Fold ค่อนข้างบ่อยเมื่อถูก Bet นอกจากนี้ยัง Check-Raise แฮนด์ที่เป็น Value เท่านั้น
ดังนั้นเราควรจะเพิ่มความ Aggressive ให้มากขึ้น โดยแฮนด์ที่เราจะ Bet จะเป็นพวก Value range
รวมไปถึงแฮนด์ที่ต้องการ protection (9x และ 3x) รวมไปถึง Bluff hand
ยิ่งถ้าคู่ต่อสู้เป็น Tight Player เรายิ่งต้อง Aggressive และต้อง Bluff ให้มากยิ่งขึ้น
.
สรุป
การเล่น Blind vs Blind เป็นจุดที่ยาก ยิ่งถ้าเจอคนที่เล่นเก่ง เขาจะพาคุณเข้าไปสู่จุดที่ตัดสินใจยาก
อีกทั้งการ Balance range ของเขาด้วย ดังนั้นเราควรที่จะศึกษา ทบทวนการเล่นอย่างสม่ำเสมอ
และที่สำคัญควรที่จะศึกษาคู่ต่อสู้ว่าเป็นผู้เล่นประเภทไหน
เพื่อที่เราจะได้ปรับตัวและหาทางเอาชนะเขาให้ได้