การเลือก Bet Size ใน No Limit Poker

มือใหม่กับการเลือกขนาดเงินเดิมพัน

ผู้เล่นมือใหม่ส่วนมากพอเริ่มเข้าใจเกมและเล่นได้สักพักก็มักจะเจอกับปัญหาการเลือกราคาในการลงเงิน (Bet Sizing) บางครั้งก็ลงน้อยเกินไปหรืออาจจะมากเกินไปโดยไม่จำเป็น ซึ่งเรื่อง หากเราเลือกใช้ได้เหมาะสมตามสถานการณ์ก็จะช่วยให้คู่ต่อสู้เล่นได้ผิดพลาด และทำเงินให้เราได้มากขึ้นหรือหากเสียก็จะเสียน้อยที่สุด

เลือก Bet Size อย่างไรดี

หลักการในการเลือกคือ เราจะเลือกโดยอิงจากราคาเงินกองกลาง (Pot) ณ ตอนนั้น เพราะเงินที่เราจะใส่ลงไปเพิ่มใน Pot จะเป็นตัวกำหนด Pot Odds ให้กับคู่ต่อสู้ ซึ่งคู่ต่อสู้จะได้ราคาดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับที่เราลงเงินไป

โดยเมื่อคู่ต่อสู้ตามเราโดยได้ราคาไม่ดี (Pot Odds ไม่ดี) นั่นหมายถึงเราได้กำไรมาแล้ว เพราะถือว่าคู่ต่อสู้เล่นพลาดตามหลักการเล่นพื้นฐาน การใช้ Bet Size ที่ดีจึงสำคัญอย่างมากในการเล่น

แผนภาพการเลือกใช้ Bet Size

"<yoastmark

สีน้ำเงิน: Bet หนักๆ เพื่อทำกำไร และ (Bet เกินขนาด Pot)

สีเขียว: ขนาดที่นิยมใช้โดยทั่วไปและถือเป็นขนาดที่ดี

สีเหลือง: ไม่ค่อยได้ใช้ แต่ถือว่าดีหากคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่กล้าตามถ้าเราใช้ราคาที่สูงกว่านี้ (และมีโอกาสน้อยที่อีกฝ่ายจะติดไพ่ที่จะพลิกมาชนะเรา)

สีแดง: ไม่ควร Bet ราคาต่ำขนาดนี้

เหตุผลที่ต้อง Bet หนักๆ (Big Bet)

  1. เป็นการให้ Pot Odds ที่ไม่ดีกับคู่ต่อสู้หากคู่ต่อสู้รอไพ่อยู่ (Drawing Hand)
  2. เป็นการทำเงิน () ให้กับเรามากขึ้นหากคู่ต่อสู้ตามมาด้วยไพ่ที่แย่กว่า

แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่เราสามารถ Bet ที่ราคาต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของ Potได้ แต่การ Bet ราคาต่ำๆ อย่างนี้ มักจะทำให้เราทำเงินได้น้อยลงและเป็นการเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้มี Pot Odds ที่ดีและตามไปดูไพ่ได้ในราคาถูกๆ

แล้วเมื่อไหร่กันที่เราสามารถ Bet เบาๆ (Small Bet) ได้

โดยส่วนมากการ Bet เบาๆ (ครึ่ง Pot หรือ ต่ำกว่า) มักจะไม่ดีหรอก แต่ก็มีข้อแม้บางอย่างอยู่ คือ

เราคิดว่าโอกาสที่อีกฝ่ายจะติดไพ่แล้วพลิกกลับมาชนะเราน้อยมาก และอีกฝ่ายจะกล้าตามเฉพาะ Small Bet และจะหมอบหากเจอ Big Bet แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ส่วนมากแล้วคุณก็จะพบว่า การใช้ Big Bet มักจะทำเงินได้ดีกว่า

ประโยชน์ของ Big Bet

  1.  ช่วยให้คุณได้ข้อมูล การที่เราลงเงินไปมากๆแล้วคู่ต่อสู้ยังกล้าตามมา นั่นก็หมายความว่าคู่ต่อสู้ต้องมีไพ่ดีในระดับนึงเลยแหละ อาจจะเป็นไพ่คู่ใหญ่ๆ หรือมีโอกาสติดไพ่เยอะๆ ซึ่งการใช้ Big Bet ทำให้เราได้ข้อมูลมาช่วยในการกำหนดกลุ่มไพ่ (Range of Hand) ของคู่ต่อสู้ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
  2. ช่วยทำเงินให้เรามากขึ้น ถ้าเราคิดว่าถือไพ่ที่ดีที่สุดอยู่ เราควรจะรีดเงินจากคู่ต่อสู้มาให้ได้มากที่สุดโดยการใช้ประโยชน์จาก Pot

ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่อง Bet Sizing

ข้อผิดพลาดของมือใหม่ส่วนใหญ่คือ Bet และ Raise ที่ราคาต่ำสุด (Minimum Bet) ซึ่งหากคุณใช้ Minimum Bet ในช่วง คุณจะพบว่า จะมีผู้เล่นจำนวนมากกล้าตามมาเล่นกับคุณ เพราะคุณให้ Pot Odds ที่ดีกับเขา

นอกจากนี้ การใช้ Minimum Bet ยังได้ข้อมูลจากคู่ต่อสู้น้อยมาก เพราะคู่ต่อสู้จะได้ Pot Odds ที่ดี และเขาจะกล้าตามมาโดยถือไพ่อะไรก็ได้ 2 ใบ

การเลือก Bet Size ในช่วง Pre-

จำไว้เป็นกฎง่ายๆเลยว่า ถ้าจะ Raise ช่วง Pre-flop ควรจะ Raise ประมาณ 3-4 เท่าของขนาด BB แต่ถ้าหากมีคนคอลตามมาเฉยๆ (Limper) ก่อนหน้าคุณ ให้คุณเพิ่มจำนวนเงินไปอีก 1 BB ตามจำนวน Limper จากราคา 3-4 เท่าตอนแรกเพื่อป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้ได้ Pot Odds ที่ดี

Raise 3 เท่า ของ BB (Big Blind) + 1 BB ตามจำนวนคนลิมพ์ (Limper)

เช่น ถ้าคุณเล่นเกม $1/$2 และมี Limper 2 คนก่อนหน้าคุณ การเปิด Raise ที่ราคา $10 หรือ $12 ก็จะถือว่าดีมาก

ตารางการ Raise ช่วง Pre-flop ตามจำนวน Limper

ตารางต่อไปนี้ก็จะเป็นแนวทางการใช้ง่ายๆ ในช่วง Pre-flop โดยจะคำนวณตามจำนวน Limper

Limper Preflop raise (BBs) ตัวอย่าง ($1/$2 NL)
0 3 $6
1 4 $8
2 5 $10
3 6 $12
4 7 $14
5 8 $16

 

สรุป

สรุปเป็นหลักการง่ายๆคือ

  • : Bet ประมาณ ¾ เท่าของราคา Pot (หรือปัจจุบันบางคนก็ Bet ประมาณ 2/3 ของพอทเป็นปกติ)
  • Pre-flop: Raise ที่ 3 หรือ 4 เท่า ของราคาBB + 1 BB ตามจำนวน Limper

และจำไว้เสมอว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่จะ Bet หรือ Raise ให้ดูราคา Pot ณ ตอนนั้นก่อนเสมอๆ  ซึ่งมันสำคัญมากที่จะให้ Pot Odds ที่แย่กับคู่ต่อสู้ และทำเงินได้เต็มพิกัดจากไพ่ของคุณด้วย Big Bet

การใช้ Small Bet และเล่นแบบป๊อดๆจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเราและคู่ต่อสู้อาจจะเอาไพ่ที่แย่กว่ามากดขี่ข่มเหงเราได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องลุกขึ้นสู้และ Bet หนักๆ บ้างเพื่อแสดงให้เห็นว่า “ข้ามีของดีอย่าคิดจะมาแหยม”

 

Credit: http://www.thepokerbank.com/strategy/basic/bet-sizing/

 

แสดงความเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง