เคล็ดลับ 5 ข้อ ในการเล่น Paired Board

Paired Board คือ Flop ที่ไพ่ซ้ำกัน 2 ใบ เช่น AA5♠

หากคุณไม่รู้ว่าจะเล่นยังไงดีเมื่อเจอ Paired Board 5 ข้อต่อไปนี้อาจจะช่วยให้คุณเล่นได้ดีขึ้น

.

  1. บางครั้งก็ควร C-bet ทุกอย่างที่มีใน Range เมื่อ In Position

จะมีบาง Paired Boards ที่ต้อง C-bet ตลอดเมื่อเป็น Preflop Aggressor

มีบอร์ดแบบไหนบ้างล่ะที่จะเข้าทางผู้เล่น In Position บ้าง ก็จะเป็นบอร์ดที่มี Broadway Card เช่น

  • A♠ A 8
  • K K 7
  • Q Q 2♠
  • J J 4
  • TT5

บอร์ดพวกนี้จะเข้าทาง Preflop Raiser มากกว่า เพราะว่าเราจะมีไพ่ Broadway ที่ดีกว่าคู่ต่อสู้เยอะ (เช่น AK AQ KQ ) เทียบกับคู่ต่อสู้ที่ Out of position แล้วเค้าจะ 3-Bet ไพ่พวกนี้ค่อนข้างบ่อย

ถ้าเราเป็น Preflop Aggressor ที่มีตำแหน่งที่ดีกว่าบนบอร์ดแบบนี้ เราสามารถ C-bet 100% ทั้ง Range ของเราได้เลย
เพราะเรามี Range Advantage ที่ Dominate คู่ต่อสู้

.

  1. บางครั้งก็ไม่ควร C-bet ทุกอย่างที่มีใน Range เมื่อ In Position

ถ้า Broadway Cards ทำให้เราได้เปรียบเมื่อ In Position แล้ว ก็น่าจะพอเดาได้ว่าไพ่กลางๆและไพ่ต่ำๆ จะทำให้เราเสียเปรียบเมื่อเราเป็น Preflop Aggressor เช่น

  • 995
  • 77♠6
  • 554♠

ถึงแม้ว่าคนที่อยู่ In Position จะยังได้เปรียบเรื่องของ Range Advantage

แต่เราก็จะไม่มี Nut Advantage อยู่ใน Range ของเราเช่นเดียวกัน

พูดง่ายๆก็คือ เราจะมี Nut ได้น้อยลงเมื่อ Paired Card ที่อยู่บนบอร์ดต่ำลง

เมื่อเจอบอร์ดแบบนี้แล้ว ผู้เล่นที่อยู่ Out of Position

จะสามารถ Check-raise ได้แบบ Aggressive สุดๆ ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้ผู้เล่น In Position ต้อง Checkback ด้วยหลายแฮนด์ที่ไม่สามารถคอล Check-Raise ได้ หรือก็คือพวกแฮนด์ที่ควรจะ Checkback เพื่อจะได้ Realize Equity

ส่วนแฮนด์ที่จะแย่จากการ Bet ไปแล้วโดน Raise ก็คือพวก Ax กลางถึงต่ำ และพวก Kx สูงๆเช่น KQ KJ เพราะแฮนด์พวกนี้มี Showdown Value น้อย ทำให้อีกฝ่ายหมอบได้ไม่เยอะ และไม่ค่อยได้ Value จากการ Bet มาก
เราจึงควร Checkback แฮนด์พวกนี้อยู่บ่อยๆ

Note : Deny Equity

KQ KJ บนบอร์ดแบบนี้จะ Deny Equity ได้ไม่เยอะ เพราะแฮนด์ที่จะหมอบให้เรามีน้อย ถ้าอีกฝ่ายมีพวก K2 K3 ที่เล็กกว่า
เราก็ยังนำอยู่เยอะ และอยาก Checkback ให้ไปติด K เพื่อทำกำไรได้เพิ่มขึ้น

กลับกันถ้าเราถือพวก K2 K3 เราจะ Deny Equity ได้เยอะกว่าเพราะ Kx เล็กๆพวกนี้ตามพวก KQ KJ อยู่เยอะ (เราตาม 75/25)
ซึ่งเราทำให้ Equity 75% หมอบไปได้

.

  1. Check-raise ให้ Aggressive เมื่อเราเป็นฝ่าย Defends

อย่างที่บอกไปในข้อที่แล้วว่า เราต้อง Defend ให้ Aggressive บน Paired Board เวลาเจอ Preflop Raiser Bet มา
เพราะผู้เล่นที่ตำแหน่งดีกว่าจะได้ Realize Equity มากกว่าเรา

ยิ่งเจอคู่ต่ำ เรายิ่งต้อง Check-raise เพราะเราจะมี Nut Advantage ได้มากกว่าคู่ต่อสู้

Range ในการ Raise ของเราจะ Merged มากกว่า Polarized ซึ่ง Merged Range ก็จะมีพวก Medium-Strength Hands หรือแฮนด์อะไรก็ได้ที่คุณคิดว่ามันดีพอที่จะคอล และก็ควร Raise บางเหมือนกัน

สิ่งที่ควรคิดอย่างแรกที่จะเล่นท่านี้คือ ความอ่อนของไพ่

ยิ่งไพ่ที่เราถืออ่อนแค่ไหน เรายิ่งต้อง Check-raise เพื่อที่จะ Protect Equity

ยกตัวอย่าง จุดนี้เป็นการ Defense ในตำแหน่ง Big Blind เมื่อเจอกับ Button Open-raising บนบอร์ด 884♠ หลังจากที่เจอ 33% Pot C-bet

เราควรที่จะคอลด้วย 30% ของ Range และ Check-raise ด้วยอีก 30% จะเห็นว่า Check-raise ไม่ได้มีแค่ตอง ( เช่น A8 ) แต่มีคู่อ่อนๆ ( เช่น 64s 55 ) และบลัฟ ( เช่น 97s )

การที่เราพลาดที่จะ Defend แบบนี้บน Paired Board จะทำให้เราเสียเงินเยอะมากในระยะยาว

.

  1. C-bet ให้ Aggressive เมื่อ Out of Position และเจอ Paired ที่เป็น Broadway Card

โดยทั่วไป เมื่อเจอคน Tight Cold Call มา เราจะต้องเล่น Defense สุดๆเมื่อ Out of Position

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจอ Flop ที่เป็น Broadway pair เราควรจะ C-bet ให้ Aggressive

โดยเราสามารถ C-bet ทุกอย่างที่มีใน Range ของเราได้เลย

เล่นแบบนี้จะดีที่สุดเพราะเรามี Nut Advantage หรือก็คือ เพราะว่าคนที่คอล Preflop มา

จะไม่มี AK , AQ , KQ พวกนี้อยู่ใน Range เพราะคู่ต่อสู้ต้อง 3-Bet Preflop ( ยกเว้น Fish จริงๆ )

.

  1. Check ทุกอย่างที่มีใน Range เมื่อ Out of Position ใน Multiway Pots

Multiway Pots จะยากที่จะหาวิธีเล่นที่ดีที่สุด เพราะโปรแกรม Solver ส่วนใหญ่ยังไม่มี Multiway Pots

พูดง่ายๆคือ ถ้าเราเชื่อโปรแกรม Solver พวกนี้ วิธีเล่นที่ดีที่สุดคือ

เล่นให้ Defense ที่สุดใน Multiway Pots

ซึ่งก็ดูจะเป็นวิธีเล่นที่ถูก เพราะเวลามีผู้เล่นหลายคนเข้ามาเล่นในพอท โอกาสที่จะมีคนถือไพ่ดีๆก็จะมากขึ้น

ในทางกลับกัน Bluffing Range ของเราก็ยิ่งอ่อนเลย

ใน Multiway Pots ที่เป็น Paired Boards ถ้าจะเล่นให้ดีที่สุดแล้ว อาจจะเล่นด้วยการ Check ทุกอย่างใน Range ของเราและ Realize Equity

.

สรุป

Paired Boards จะเล่นง่ายสำหรับผู้เล่น In Position และยากขึ้นสำหรับผู้เล่น Out of Position

และเล่นให้คู่ต่อสู้กดดันไม่ว่าเราจะเป็น Preflop Aggressor หรือ Preflop Defender

หมายเหตุ ทั้งนี้การเล่นกับ Fish เราไม่จำเป็นต้อง Check-raise เพื่อ Balance Range ของเรา การหมอบในจุดที่เราแน่ใจว่าคู่ต่อสู้ไม่ได้บลัฟก็เป็นการเล่นที่ดีเช่นกัน

อ้างอิง : https://upswingpoker.com/paired-boards-strategy/

แสดงความเห็น